วิตามินและแร่ธาตุมีอะไรบ้าง ช่วยเรื่องอะไร อยู่ในอาหารชนิดไหน
WeenayA
15 พฤศจิกายน 2565 ( 15:36 )
3.7K
1
วิตามินและแร่ธาตุ เป็นหนึ่งในปัจจัยของการทำงานในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำงานต่อระบบต่างๆ ของร่างการทั้ง สมอง ระบบเลือด ผิวหนัง เส้นผม ประสาท เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายที่ขาดไม่ได้ แล้ววิตามินและแร่ธาตุนั้นมีอยู่ในอาหารชนิดไหนบ้าง ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันอยู่ที่เท่าไหร่มาดูกันค่า
วิตามิน และแร่ธาตุมีอะไรบ้าง ช่วยเรื่องอะไร อยู่ในอาหารชนิดไหน
ตารางวิตามินและแร่ธาตุ | |||
วิตามิน | ชื่ออังกฤษ | ช่วยเรื่อง | มีอยู่ใน |
วิตามินเอ ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : ไม่เกิน 50,000 IU | Vitamin A | สายตา ระบบภูมิคุ้มกัน | ตับ ไข่ ส้ม ผลไม้สีเหลือง ผักใบเขียว |
วิตามินบี1 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 5 mg | Vitamin B1 | ระบบประสาท โลหิตจาง ลดอาการเพลีย | ข้าวซ้อมมือ ผัก ไข่แดง เนื้อสัตว์ |
วิตามินบี2 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 7 mg | Vitamin B2 | บำรุงผิวพรรณ ผม เล็บ เพิ่มการเผาผลาญ | ผลิตภัณฑ์นม ถั่วสีเขียว หน่อไม้ฝรั่ง ผักใบเขียว |
วิตามินบี3 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 20 mg | Vitamin B3 | ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยระบบย่อย | เนื้อไม่ติดมัน เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก อะโวคาโด |
วิตามินบี5 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 6 mg | Vitamin B5 | ปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอล | เนื้อสัตว์ บล็อกโคลี อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน |
วิตามินบี6 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 2 mg | Vitamin B6 | ช่วยในการการเผาผลาญโปรตีน ช่วยขัปัสสาวะ | เนื้อสัตว์ ผัก กล้วย จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว |
วิตามินบี7 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 150 ไมโครกรัม | Vitamin B7 | ช่วยบำรุงผม | ไข่แดงดิบ ตับ ถั่วลิสง ผักใบเขียว เครื่องในสัตว์ กล้วย อัลมอนด์ |
วิตามินบี9 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 200 ไมโครกรัม | Vitamin B9 | ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดหัวใจ | ผักใบ ขนมปัง ธัญพืช ตับ เนื้อสัตว์ |
วิตามินบี12 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 2 ไมโครกรัม | Vitamin B12 | ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันการอ่อนเพลีย | เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม |
วิตามินซี ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 1,000 -2,000 mg | Vitamin C | ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน | ผลไม้ และผักหลายชนิด |
วิตามินดี ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 10 - 20 ไมโครกรัม ตามแต่ละช่วงวัย | Vitamin D | ป้องกันการเสียแคลเซียม การ ดูดซึมเเคลเซียม | ปลา ไข่ ตับ เห็ด แสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า |
วิตามินอี ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 40 – 200 IU ตามแต่ละช่วงวัย | Vitamin E | ป้องกันอาการอุดตันของ เม็ดเลือด ต้านอนุมูลอิสระ | ผัก และผลไม้หลายชนิด อาหารจำพวกถั่ว |
วิตามินเค ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 65 – 80 ไมโครกรัม | Vitamin K | ช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด | ผักใบเขียว ไข่แดง ตับ เนื้อหมู มะเขือเทศ |
แคลเซียม ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 1,000 - 1,300 mgต่อวัน ตามแต่ละช่วงวัย | Calcium | ช่วยเสริมสร้างความเเข็งแรงของกระดูก และฟัน | นม ปลา และสัตว์เล็กอื่น ๆ ที่สามารถกินได้ทั้งกระดูก |
ธาตุเหล็ก ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : ผู้ชาย 1.04 mg / ผู้หญิง 9.4 – 24.7 mg | Iron | ลดภาวะ โลหิตจาง แก้ความรู้สึก อ่อนล้า | เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ธัญพืช |
โพแทสเซียม ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 1,600 – 2,000 mg | Potassium | ช่วยในการรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย | ถั่วเมล็ดแห้ง นมและผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้แห้งเ |
แมกนีเซียม ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 310 - 420 mg ตามแต่ละช่วงวัย | Magnesium | รักษาความสมดุลในแคลเซียมในกระดูกและเลือด | เต้าหู้สด มะม่วงหิมพานต์ |
ไอโอดีน ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน : 120 - 150 ไมโครกรัม | Iodine | ช่วยดูแลการทำงานของต่อมไทรอยด์ | เกลือเสริมไอโอดีน อาหารทะเล |
วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ
- วิตามินเอ Vitamin A
ช่วยเรื่องสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงอาการตาฝ้าฟาง ตาบอดกลางคืน
มีอยู่ใน ตับ ไข่ ส้ม ผลไม้สีเหลืองสุก ผักใบเขียว แครอท ฟักทอง ผักโขม ปลา นมถั่วเหลือง นม
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ไม่เกิน 50,000 IU - วิตามินบี1 Vitamin B1
ช่วยเรื่อง ระบบประสาท มีส่วนช่วยให้ไม่เป็นโรคเหน็บชา ป้องกันโรคโลหิตจาง ลดอาการอ่อนเพลีย
มีอยู่ใน เนื้อหมู โอ๊ตมีลข้าว ซ้อมมือ ผัก มันฝรั่ง ตับ ข้าวซ้อมมือ ไข่แดง เนื้อสัตว์ นม ถั่ว โยเกิร์ต น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ และธัญพืชเปลือกบาง ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 5 mg - วิตามินบี2 Vitamin B2
ช่วยเรื่อง ป้องกันอาการปากนกกระจอก บำรุงผิวพรรณ ผม เล็บ เพิ่มการเผาผลาญ เพิ่มกระบวนการเมทาบอลิซึม
ช่วยลดไขมันอิ่มตัวในเลือด มีอยู่ใน ผลิตภัณฑ์นม กล้วย ป๊อปคอร์น ถั่วสีเขียว หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ปลา ตับ ไต
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 7 mg - วิตามินบี3 Vitamin B3
ช่วยเรื่อง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ช่วยเผาผลาญไขมัน ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
มีอยู่ใน เนื้อไม่ติดมัน ปลา ไข่ เห็ด เนื้อไม่ติดมัน เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก ตับ โฮลวีต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง อะโวคาโด อินทผลัม ลูกพรุน มะเดื่อฝรั่ง
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 20 mg - วิตามินบี5 Vitamin B5
ช่วยเรื่องปรับสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ลดอาการอักเสบของข้อ ช่วยเรื่องการนอนหลับ
มีอยู่ใน เนื้อสัตว์ บล็อกโคลี อะโวคาโด พบมากในอาหารจำพวกเนื้อไก่ เนื้อวัว ตับ มันฝรั่ง เมล็ดทานตะวัน
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 6 mg - วิตามินบี6 Vitamin B6
ช่วยเรื่อง ช่วยในการการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย เสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยขับปัสสาวะ เสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
มีอยู่ใน เนื้อสัตว์ ผัก ผลเปลือกแข็งเมล็ดเดียว กล้วย จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว กะหล่ำปลี รำข้าว ไข่ ข้าวโอ๊ต ปลา
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 2 mg - วิตามินบี7 Vitamin B7
ช่วยเรื่อง ช่วยบำรุงผม และเล็บ รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบ และลำไส้อักเสบ ช่วยให้กระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดอะมิโนเป็นไปอย่างปกติ
มีอยู่ใน ไข่แดงดิบ ตับ ถั่วลิสง ผักใบเขียว ไต เครื่องในสัตว์ นม ไข่แดง และยีสต์ หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ แครอท อะโวคาโด กล้วย อัลมอนด์
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 150 ไมโครกรัม - วิตามินบี9 Vitamin B9
ช่วยเรื่อง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวพรรณและผม
มีอยู่ใน ผักใบ ขนมปัง ธัญพืช ตับ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ยอดผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืช
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 200 ไมโครกรัม - วิตามินบี12 Vitamin B12
ช่วยเรื่อง ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันการอ่อนเพลียจากโรคโลหิตจาง ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาท
มีอยู่ใน เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เนื้อแดง ปลา สัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากนม
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 2 ไมโครกรัม - วิตามินซี Vitamin C
ช่วยเรื่อง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ลดความเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจก
มีอยู่ใน ผลไม้ และผักหลายชนิด ตับ ฝรั่ง มะขามป้อม พริกหวาน ผักคะน้า
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 1,000 -2,000 mg - วิตามินดี Vitamin D
ช่วยเรื่อง ป้องกันการเสียแคลเซียม ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ช่วยในการดูดซึมเเคลเซียม
มีอยู่ใน ปลา ไข่ ตับ เห็ด แสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 10 - 20 ไมโครกรัม ตามแต่ละช่วงวัย - วิตามินอี Vitamin E
ช่วยเรื่อง ช่วยเสริมสร้างความเเข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันอาการอุดตันของเม็ดเลือด ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันอาการอักเสบ
มีอยู่ใน ผัก และผลไม้หลายชนิด ผลเปลือกแข็งไข่ พืช ผัก ผลไม้ อาหารจำพวกถั่ว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 40 – 200 IU ตามแต่ละช่วงวัย - วิตามินเค Vitamin K
ช่วยเรื่อง ช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด และมีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกให้เป็นปกติ
มีอยู่ใน ผักใบเขียว ไข่แดง ตับ เนื้อหมู มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ ไข่แดง น้ำมันถั่ว
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 65 – 80 ไมโครกรัม - แคลเซียม Calcium
ช่วยเรื่อง ช่วยเสริมสร้างความเเข็งแรงของกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง
มีอยู่ใน นม ปลา และสัตว์เล็กอื่น ๆ ที่สามารถกินได้ทั้งกระดูกหรือเปลือก ถั่วเหลือง เต้าหู้แข็ง เต้าฮวย ผักใบเขียวเช่น ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 1,000 - 1,300 mgต่อวัน ตามแต่ละช่วงวัย - ธาตุเหล็ก Iron
ช่วยเรื่อง เสริมสร้างความแข็งแรงให้เม็ดเลือดแดงในร่างกาย ลดภาวะโลหิตจาง แก้ความรู้สึกอ่อนล้า
มีอยู่ใน เนื้อสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ธัญพืช ไข่แดง ปลา เป็ดไก่ ผักใบเขียวเข้ม
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ผู้ชาย 1.04 mg / ผู้หญิง 9.4 – 24.7 mg - โพแทสเซียม Potassium
ช่วยเรื่อง ช่วยในการรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยคุมความดันโลหิต ช่วยในด้านการยืดหดของกล้าเนื้อ
มีอยู่ใน ถั่วเมล็ดแห้ง นมและผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้แห้งเช่น ลูกเกด ลูกพรุน แครอท มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง คะน้า หัวปลี ผักชี มันฝรั่ง
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 1,600 – 2,000 mg - แมกนีเซียม Magnesium
ช่วยเรื่อง รักษาความสมดุลในแคลเซียมในกระดูกและเลือด เสริมเรื่องการเผาผลาญ ลดความอ่อนเพลียช่วยปรับสมดุลย์ของลำไส้ ลดกรดในกระเพาะ
มีอยู่ใน แป้งถั่วเหลืองสด เต้าหู้สด มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง อัลมอนด์ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้าวโอ๊ต มันฝรั่ง ข้าวกล้อง
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 310 - 420 mg ตามแต่ละช่วงวัย - ไอโอดีน Iodine
ช่วยเรื่อง ช่วยดูแลการทำงานของต่อมไทรอยด์ คุมระบบเผาผลาญ ในร่างกาย ช่วยควบคุมระบบประสาทและสมอง
มีอยู่ใน เกลือเสริมไอโอดีน อาหารทะเล เช่น ปลาทู หอย ปู กุ้งทะเล
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน 120 - 150 ไมโครกรัม
ทั้งนี้ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอก่อนที่จะเลือกรับประทานอาหารเสริมค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 10 วิตามินบำรุงสมอง อาหารเสริมบำรุงสมอง ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น ความจำดี ไม่ขี้ลืม
- 7 วิตามินรวม ยี่ห้อไหนดี ลดเสี่ยงขาดวิตามิน บำรุงร่างกาย แก้อ่อนเพลีย
- 6 วิตามินซีเม็ดฟู่ แบบละลายน้ำ กินง่าย ผิวใส เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- 6 วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ลดผมร่วง ผมเสีย เส้นผมแข็งแรงสุขภาพดี
- 6 อาหารวิตามินบีรวมสูง วิตามินบีจำเป็น 8 ชนิด บำรุงสมอง ระบบประสาท