รีเซต

5 ส่วนผสมสกินแคร์ที่ต้องเลี่ยงเมื่อใช้ยาแต้มสิว ป้องกันผิวระคายเคือง สิวเห่อ

5 ส่วนผสมสกินแคร์ที่ต้องเลี่ยงเมื่อใช้ยาแต้มสิว ป้องกันผิวระคายเคือง สิวเห่อ
BeauMonde
10 พฤศจิกายน 2568 ( 14:35 )
29

     การรักษาสิวเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจรายละเอียดไม่น้อยเลยค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่สาว ๆ ใช้ “ยาแต้มสิว” ที่มีส่วนผสมแรง ๆ อย่าง Benzoyl Peroxide หรือ เรตินอยด์ (Retinoids) แน่นอนว่าเป้าหมายของสาว ๆ คืออยากให้สิวหายไว แต่รู้ไหมว่าสกินแคร์บางตัวที่ใช้คู่กันอยู่ทุกวัน อาจกลายเป็นตัวการทำให้ผิวแสบ แดง ลอก หรือทำให้สิวไม่ยอมหายสักทีได้เหมือนกัน!

     อาการแพ้หรือระคายเคืองจากการใช้ยาแต้มสิวร่วมกับสกินแคร์ มักเกิดจากการผสมส่วนผสมที่ไม่เข้ากัน จนทำให้ผิวแห้งและอ่อนแอ แถมยังลดประสิทธิภาพของยาอีกด้วย เพราะงั้นการเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับช่วงที่กำลังรักษาสิวก็สำคัญไม่แพ้การเลือกยาค่ะ

 

 

5 ส่วนผสมสกินแคร์ที่ต้องเลี่ยงเมื่อใช้ยาแต้มสิว


     เมื่อผิวต้องรับมือกับสารออกฤทธิ์แรง ๆ อย่าง Benzoyl Peroxide (BPO) หรือ Retinol ผิวจะไวเป็นพิเศษ ถ้าสาว ๆ เติมส่วนผสมที่ระคายเคืองซ้ำเข้าไปอีก ก็ไม่แปลกที่สิวจะเห่อหนักกว่าเดิม หรือผิวพังได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว มาดูกันดีกว่าว่า 5 ส่วนผสมสกินแคร์ที่ควรเลี่ยงเมื่อใช้ยาแต้มสิวมีอะไรบ้าง และเพราะอะไรถึงต้องระวัง เพื่อให้การรักษาสิวได้ผลดีที่สุด

 

1. วิตามินซี (Vitamin C) 

  • เหตุผลที่ควรเลี่ยง: ไม่ควรใช้ วิตามินซี ร่วมกับ Benzoyl Peroxide (BPO) โดยเด็ดขาด เพราะจะเกิดปฏิกิริยา ออกซิเดชั่น (Oxidation) ที่จะทำลายคุณสมบัติของวิตามินซี และยังทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แดง แสบอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงอีกด้วยครับ

  • ทางออก: หากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้แยกช่วงเวลา เช่น BPO ตอนกลางคืน และ Vitamin C ตอนเช้า และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

 

2. กรดผลัดเซลล์ผิว AHA / BHA (Alpha/Beta Hydroxy Acids) 

  • เหตุผลที่ควรเลี่ยง: กรดเหล่านี้มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวที่เข้มข้น การใช้ AHA หรือ BHA พร้อมกับ เรตินอล (Retinol) หรือ Benzoyl Peroxide (ซึ่งต่างก็มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวเช่นกัน) จะเป็นการ "เร่ง" การผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป ทำให้เกิด ความเสี่ยงของผิวแห้ง ลอก และระคายเคืองอย่างมาก

  • ทางออก: เลือกใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่ง หรือหากต้องการใช้คู่กันจริง ๆ ควรใช้ในความเข้มข้นต่ำมาก ๆ และแยกวันใช้ (เช่น วันเว้นวัน)

 

3. เรตินอล (Retinol / เรตินอยด์) 

  • เหตุผลที่ควรเลี่ยง: แม้ว่า เรตินอล จะเป็นส่วนผสมรักษาสิวที่ดี แต่ไม่ควรใช้พร้อมกันกับ Vitamin C และ AHA/BHA เนื่องจากค่า pH ที่แตกต่างกันมาก จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง และยังทำให้ผิวไวต่อการระคายเคือง มีรอยแดงได้ง่ายมาก เพราะเป็นการรบกวนผิวอย่างหนักในช่วงเวลาเดียวกัน

  • ทางออก: ควรใช้เรตินอลเดี่ยว ๆ ในช่วงกลางคืน และหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับส่วนผสมที่กล่าวมาในขั้นตอนเดียวกัน

 

4. ซิลิโคน (Silicone) 

  • เหตุผลที่ควรเลี่ยง: ซิลิโคนบางชนิด เช่น Dimethicone หรือ Cyclopentasiloxane มักพบในสกินแคร์ที่มีเนื้อเข้มข้น เมื่อทาลงบนผิวที่กำลังรักษาสิว อาจทำให้เกิดสิวอุดตัน ได้ง่ายขึ้น เพราะซิลิโคนทำหน้าที่เคลือบทับรูขุมขน ทำให้สารที่ควรออกฤทธิ์ซึมเข้าได้ยาก และอาจทำให้เกิดการสะสมจนเกิดการอุดตันได้

  • ทางออก: ควรเลือกใช้ สกินแคร์เนื้อบางเบา ไม่มีซิลิโคนหนัก (Silicone-Free) ในช่วงที่เป็นสิว

 

5. สารกันเสียที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 

  • เหตุผลที่ควรเลี่ยง: สารกันเสียบางชนิดที่รู้กันว่าก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย เช่น พาราเบน (Parabens), ฟอร์มัลดีไฮด์ และสารปล่อยฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde-releasing preservatives) และ Methylisothiazolinone (MIT) ไม่เหมาะกับผิวที่มีสิวหรือผิวบอบบาง ที่กำลังใช้ยาแต้มสิว เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง และทำให้ผิวอ่อนแอหนักกว่าเดิม

 

เคล็ดลับง่าย ๆ ให้ผิวกลับมาปัง 


    โดยสรุปแล้ว หลักการสำคัญคือ สาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนผสมเหล่านี้พร้อมกับยาแต้มสิว ที่มี Benzoyl Peroxide หรือ เรตินอยด์ เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง แห้งลอก และไม่เกิดผลดีในการรักษาสิว หากต้องการ ลดอาการระคายเคืองเมื่อใช้ยาแต้มสิว ให้เน้นการใช้สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติเติมความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว และควรใช้สกินแคร์เนื้อบางเบา ไม่มีซิลิโคนหนัก พยายามหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองสูงเหล่านี้ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวและพร้อมรับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี