ปริมาณแคลอรี่ต่อวัน ที่ร่างกายควรได้รับ เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ นับแคลก่อนกิน!
สำหรับใครที่ต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผล หนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงเลยก็คือ ปริมาณแคลอรี่หรือพลังงานจากการกินอาหารและการทำกิจกรรมต่างๆ ของเราในแต่ละวันค่ะ ซึ่งร่างกายของคนเรานั้นควรได้รับปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปหรือน้อยจนเกินไป เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ และเพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร
สำหรับชาวลดน้ำหนักนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องลดปริมาณแคลอรี่ในแต่ละวันลงเพื่อลดน้ำหนักให้ได้ผลค่ะ โดยแนะนำให้ลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ 500 กิโลแคลอรี่ จึงจะช่วยให้สามารถรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้
อย่างไรก็ตาม การลดปริมาณแคลอรี่ลงมากจนเกินไปเพื่อให้ลดน้ำหนักได้เยอะๆ ก็อาจจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเรา โดยอาจจะส่งผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร รวมถึงยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึม ที่ทำให้การรักษาน้ำหนักในระยะยาวนั้นทำได้ยากขึ้นค่ะ ดังนั้นเราควรทราบก่อนว่าปริมาณแคลอรี่ต่อวันที่ร่างกายควรได้รับนั้นคือเท่าไหร่ และจะต้องลดลงเท่าใดจึงจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ และช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ค่ะ
ปริมาณแคลอรี่ต่อวัน สำหรับผู้หญิง
- ผู้หญิง อายุ 19-30 ปี : 2,000 - 2,400 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
- ผู้หญิง อายุ 31–59 ปี : 1,800–2,200 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
- ผู้หญิง อายุมากกว่า 60 ปี : 1,600–2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
ปริมาณแคลอรี่ต่อวัน สำหรับผู้ชาย
- ผู้ชาย อายุ 19–30 ปี : 2,400–3,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
- ผู้ชาย อายุ 31–59 ปี : 2,200–3,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
- ผู้ชาย อายุมากกว่า 60 ปี : 2,000–2,600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้เป็นการศึกษาในชาวอเมริกัน อ้างอิงมาจาก “2020 - 2025 Dietary Guidelines for Americans” จึงยังทำให้มีข้อสงสัยอยู่บ้างสำหรับชาวเอเชียนที่จะปฏิบัติตาม โดยทางเว็บไซต์ “พบแพทย์ (PobPad)” ของไทยได้ให้คำแนะนำว่า ผู้หญิงควรได้รับพลังงานวันละประมาณ 1,600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ส่วนผู้ชายควรได้รับพลังงานวันละประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งร่างกายของแต่ละคนก็จะต้องการปริมาณแคลอรี่ที่ไม่เท่ากัน โดยจะขึ้นอยู่กับเพศ, อายุ, น้ำหนัก, ส่วนสูง และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันด้วย ดังนั้นแนะนำให้คำนวณปริมาณแคลอรี่ต่อวันที่ควรได้รับเป็นรายบุคคลไปก็จะแม่นยำกว่ามากค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
- www.healthline.com
- www.dietaryguidelines.gov
- www.pobpad.com
บทความที่คุณอาจสนใจ