รีเซต

16 พฤติกรรมทำลายปอด สุขภาพปอดแย่ อาการ COVID-19 รุนแรงขึ้นได้!

16 พฤติกรรมทำลายปอด สุขภาพปอดแย่ อาการ COVID-19 รุนแรงขึ้นได้!
pommypom
24 มีนาคม 2563 ( 16:00 )
4.8K
2

     มาสำรวจ 10 พฤติกรรมทำลายปอดของเรากันเถอะ! รู้หรือไม่คะว่า อาการของเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ถ้าปอดของเราไม่แข็งแรงค่ะ ซึ่งพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราบางครั้งก็ทำลายสุขภาพปอดได้โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ดังนั้นเราจึงควรรักษาสุขภาพปอดของเราให้แข็งแรง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ต่อสู้กับเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ และถ้าใครไม่ทราบว่าพฤติกรรมไหนของเราส่งผลเสียต่อสุขภาพปอดบ้าง เราไปเช็คพร้อมๆกันเลยค่ะ

 

 

ความรุนแรงของอาการ COVID-19 ขึ้นอยู่กับสุขภาพปอดอย่างไร?

     อาการของ COVID-19 นั้นมีตั้งแต่อาการเบาไปจนถึงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อาการ COVID-19 รุนแรงได้นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่สามาถเข้าไปถึงเนื้อเยื่อปอดได้ เราจึงเรียกโรคนี้อีกชื่อหนึ่งได้ว่า โรคปอดอักเสบติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม ในบางเคส เชื้ออาจติดอยู่ที่ทางเดินหายใจส่วนบนก่อนและยังไม่สามารถทำให้เกิดปอดอักเสบได้ทันที...

  • สุขภาพปอดแย่
         ถ้าเชื้อหลุดเข้าไปในปอดพร้อมกันจำนวนมากเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ปอดอักเสบพร้อมๆกันหลายที่จนเนื้อปอดแลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ค่ะ นอกจากนั้นหากภูมิต้านทานของผู้ป่วยไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อได้ทัน เนื่องจากการพบกันครั้งแรกของเม็ดเลือดขาวกับเชื้อไวรัส ซึ่งการมีภูมิต้านทานที่ต่ำบวกกับสุขภาพปอดที่แย่ จึงส่งผลให้ผู้ป่วยอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้นั่นเองค่ะ
  • สุขภาพปอดดี
         ถ้าหากผู้ป่วยมีปอดที่แข็งแรง จะทำให้สามารถทนต่อการก่อโรคของเชื้อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นได้ จนภูมิต้านทานเกิดมามากพอ ก็จะสามารถต่อสู้กับเชื้อที่กำลังก่อโรคได้ทันก่อนที่ปอดจะเสียหายไปมากกว่านี้ ดังนั้นผู้ป่วยที่แข็งแรงกว่า มีภูมิต้านทานที่ดีกว่า มีเนื้อปอดปกติ ไม่มีโรคปอดเรื้อรัง จะสามารถทนต่อเชื้อได้นานกว่า แม้จะป่วยแต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ทันจากภูมิต้านทานของตัวเองค่ะ

 

16 พฤติกรรมทำลายปอด

1. สูบบุหรี่

     แม้ว่าการสูบบุหรี่ไม่ได้ทำให้เกิดโรคปอดในทันที แต่ก็เป็นสาเหตุของของโรคเรื้อรังได้ เช่น โรคในระบบทางเดินหายใจ อย่างมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นยิ่งสูบบุหรี่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการทำลายปอดมากขึ้นเท่านั้น เมื่อสุขภาพปอดย่ำแย่แล้ว บวกกับผู้ป่วยมีเชื้อไวรัส COVID-19 จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้นั่นเองค่ะ

2. ดมควันบุหรี่

     แม้จะไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่การอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุรี่ ก็ไม่ต่างกับการสูบบุหรี่เองเลยค่ะ เพราะเราสูดควันบุหรี่เข้าสู้ปอดไปแล้ว หรือแม้ว่าจะไม่ได้กลิ่นควันบุหรี่เลย แต่รู้มั้ยคะว่า พวกมันจะปนอยู่ในอากาศได้นานถึง 5 ชั่วโมงโดยที่ไม่มีกลิ่นให้รู้เลย ซึ่งถ้ายิ่งได้รับควันบุหรี่หรือสิ่งตกค้างจากควันบุหรี่เป็นประจำก็จะทำให้สุขภาพปอดแย่ได้เหมือนกัน จนอาจเกิดมะเร็งปอดได้เลยล่ะค่ะ

3. ดมควันธูป

     อีกหนึ่งสารพิษที่อันตรายไม่น้อยไปกว่าบุหรี่ก็คือควันธูปนั่นเองค่ะ โดยเมื่อเราจุดธูปจะทำให้เกิดเป็นฝุ่นละอองและมีสารพิษระเหยออกมา ทำให้รู้สึกระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ และส่งผลต่อสุขภาพปอดได้ค่ะ

4. ดมกลิ่นสารเคมี

     ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันล้วนประกอบไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจทั้งสิ้น และเมื่อหายใจเอาสารเคมีเข้าไปสะสมมากๆแล้ว ก็อาจทำให้ปอดได้รับความเสียหายจนก่อให้เกิดมะเร็งตามมาได้ค่ะ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาทำความสะอาดบ้านต่างๆ น้ำยาล้างห้องน้ำ สีทาบ้าน แร่ใยหิน ยาฆ่าแมลง เป็นต้น ทางที่ดี เราควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้งก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้นะคะ

5. ไม่ทำความสะอาดบ้าน

     หากเราไม่ทำความสะอาดบ้านแล้ว บ้านเราก็จะสกปรกและเต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อเราใช้ชีวิตและต้องหายใจเอาฝุ่นเข้าไปมากๆ ก็จะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้ สิ่งที่ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้งได้แก่ โซฟา พรม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา พรมเช็ดเท้า พื้นบ้าน รวมถึงคราบต่างๆในห้องครัวและห้องน้ำด้วยค่ะ สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดีเลยล่ะ

6. ไม่ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ

     เครื่องปรับอากาศเป็นที่ที่เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เจริญเติบโตได้ดีเลยล่ะค่ะ เพราะในเครื่องปรับอากาศนั้นเต็มไปด้วยความชื้น และเชื้อเหล่านี้ก็เป็นตัวการไปกระตุ้นทำให้ปอดของเราอักเสบได้นั่นเอง ดังนั้นเราจึงควรหมั่นถอดแผ่นกรองอากาศมาล้างทำความสะอาดอยู่เสมอ และควรเรียกช่างมาทำความสะอาดอย่างเต็มระบบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งค่ะ

7. ไม่ระบายอากาศในห้องน้ำ

     นอกจากความชื้นจะมาจากเครื่องปรับอากาศแล้ว ยังมาจากในห้องน้ำได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งความชื้นจากน้ำในห้องน้ำทำให้เกิดเชื้อราได้ สังเกตได้จากจุดดำเล็กๆตามห้องน้ำ เชื้อราเป็นตัวการทำลายปอดได้เลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดนั่นเอง ทางที่ดี ขณะที่เราอาบน้ำ เราควรเปิดพัดลมระบายอากาศด้วยทุกครั้งค่ะ และควรเปิดห้องน้ำให้อากาศได้ถ่ายเทด้วยนะคะ

8. ไม่ทำความสะอาดเตาแก๊ส

     เตาแก๊สที่เราใช้ทำครัวทุกวันมีสารเคมีไนโตรเจนไดออกไซด์อยู่ เมื่อเราหายใจเอาสารนี้เข้าไป จะทำให้ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ และเป็นโรคปอดตามมาได้ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นทำความสะอาดเตาแก๊สด้วยนะคะ แต่อาจจะต้องระวังด้วยค่ะ ทางที่ดีควรให้ผู้ที่ทำความสะอาดเตาแก๊สเป็นมาทำความสะอาดให้จะดีกว่าค่ะ

9. ไม่ระบายอากาศตอนทำอาหาร

     เมื่อเราทำอาหาร ย่อมมีกลิ่นควันจากการใช้เตาตามมาได้ เราควรที่จะใช้เครื่องดูดควันไอเสียขณะทำอาหาร หรือเปิดหน้าต่างให้ห้องครัวได้ระบายอากาศบ้าง ถ้าอากาศในห้องครัวไม่ถ่ายเท และเต็มไปด้วยไอเสียจากควัน จะทำให้ส่งผลต่อสุขภาพปอดตามมาได้ค่ะ

10. ไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศในบ้าน

     เชื่อว่าหลายคนไม่ค่อยเปิดหน้าต่างกันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะห้องของเราที่บ้าน หรือคอนโด เพราะอาจจะรำคาญเสียงจากภายนอก แต่การไม่เปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องได้ระบาย จะส่งผลเสียต่อสุขภาพปอดของเราได้ เพราะเราทำกิจกรรมมากมายภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านที่ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมี สารเคมีก็จะปะปนอยู่ในอากาศทั่วบ้าน และเราก็หายใจเอาสารเคมีเข้าไปทำร้ายปอด หรือความชื้นจากน้ำที่ทำให้เกิดเชื้อรา ดังนั้นเราจึงควรเปิดหน้าต่างระบายให้อากาศได้ถ่ายเทเอาอากาศเสียจากภายในบ้านออกไปบ้างนะคะ

11. ฉีดสเปรย์ปรับอากาศ

     แม้ว่าการฉีดสเปรย์ปรับอากาศจะทำให้บ้านเรามีกลิ่นหอมขึ้น แต่มันอาจจะไม่เป็นผลดีต่อปอดสักเท่าไหร่ เพราะสเปรย์ปรับอากาศนั้นประกอบไปด้วยสารที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจบกพร่องได้ ซึ่งก็คือ VOCs นั่นเอง ดังนั้นการเปิดหน้าต่างระบายอากาศจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แถมยังประหยัดอีกด้วยค่ะ

12. หายใจเอามลพิษนอกบ้านเข้าไป

     ก่อนเปิดหน้าต่าง ควรเช็คมลพิษนอกบ้านก่อนนะคะ ถ้ามีเยอะ ก็ไม่ควรที่จะเปิด เพราะมลพิษนอกบ้านก็ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจและปอดได้ไม่แพ้กัน มลพิษในอากาศนั้นเกิดจากควันรถ โรงงานอุตสาหกรรม การเผาไหม้ต่างๆ เราควรหลีกเลี่ยงมลพิษเหล่านี้นะคะ เพราะว่าอันตรายต่อร่างกายเรามากๆ

(อ่าน : 6 มลพิษในอากาศที่เราต้องเจอทุกวัน มีมากกว่าแค่ฝุ่น PM 2.5 รู้แล้วรีบป้องกัน!)

13. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

     เซลล์ทุกชนิดในร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ถ้าขาดน้ำค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำที่สะอาดบ่อยๆ และต้องไม่ใช่น้ำที่มีส่วนผสมอื่นปนอยู่ด้วยนะคะ เราควรดื่มน้ำทีละนิด แต่จิบบ่อยๆ แทนการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพราะร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมได้ทัน และจะขับออกมาเป็นปัสสาวะแทน ฉะนั้นบางคนจึงยังคงหิวน้ำแม้ว่าจะดื่มไปมากแล้วก็ตามนั่นเองค่ะ

14. ไม่ออกกำลังกาย

     การออกกำลังกายมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง รวมถึงสุขภาพปอดของเราด้วยค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง เมื่อร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานก็จะต่ำลง และไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้นั่นเองค่ะ

15. ออกกำลังกายในที่ที่มีมลพิษ

     ขณะออกกำลังกาย เราต้องหายใจเอาอากาศเข้าไปจำนวนมาก และถ้าอากาศที่เราหายใจเข้าไปเป็นมลพิษแล้วล่ะก็ นั่นก็แปลว่าเราสูดมลพิษเข้าร่างกายไปเป็นจำนวนมากนั่นเอง จึงทำให้ส่งผลเสียต่อปอดตามมาได้ ดังนั้นเราไม่ควรออกกำลังกายใกล้กับถนนที่มีควันรถเยอะ หรือโรงงานอุตสาหกรรมนะคะ

16. ไม่ตรวจเช็คสุขภาพปอด

     เราควรตรวจเช็คสุขภาพปอดของเราด้วยนะคะ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าปอดเราปกติดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ได้รับการตรวจค่ะ กิจกรรมในชีวิตประจำวันของเราล้วนส่งผลต่อสุขภาพปอดทั้งสิ้น เราไม่อาจป้องกันได้ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็น การตรวจเช็คสุขภาพปอดจะทำให้เราสามารถรับมือได้ทัน ถ้าพบว่าปอดมีปัญหา ดีกว่าปล่อยละเลยจนอาจสายเกินแก้ค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

บทความที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง