7 วิธีลดอาการโรคภูมิแพ้ ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้บางชนิดที่ร่างกายเห็นว่าเป็นอันตราย ซึ่งสารสารก่อภูมิแพ้บางอย่างอาจเป็นได้ทั้งสารเคมีที่สามารถพบได้ในอาหาร ยา หรืออาจเป็นสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมและวัสดุ เช่น ฝุ่น แพ้อาหาร แพ้ถั่วลิสง แพ้อาหารทะเล การแพ้ที่เกิดตามฤดูกาล เช่น แพ้อากาศ ไข้ละอองฟาง และการแพ้ยา เช่น ยาเพนิซิลลิน ยาแก้ปวดบางประเภท
เมื่อบุคคลที่เป็นภูมิแพ้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการตาง ๆ ในร่างกายขึ้นมาได้ เช่น คัน บวม ลมพิษ หรือแม้แต่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ อาการเหล่านี้มีตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรง และในบางกรณีอาจถึงแก่ชีวิตได้
พันธุกรรม การสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตล้วนมีส่วนทำให้เกิดอาการแพ้ได้ อาการภูมิแพ้บางอย่างก็คล้ายกับโรคหวัดมาก แต่ความแตกต่างระหว่างอาการแพ้และหวัดก็คือการสังเกตว่าตนเองมีไข้หรือไม่ หากรู้สึกไม่สบายเป็นเวลามากกว่า 1 อาทิตย์โดยไม่มีไข้ แสดงว่าคุณอาจเป็นโรคภูมิแพ้ก็ได้ และเมื่อไปพบแพทย์ เราอาจจะได้รับยามารับประทานหรือฉีดยาเพื่อช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ที่บ้านเพื่อบรรเทาอาการแพ้ไม่ต้องใช้ยา
7 วิธีลดอาการภูมิแพ้
1. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยล้างเสมหะออกจากโพรงจมูกและสามารถบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ ซึ่งน้ำเกลือไม่เพียงแต่จะช่วยลดน้ำมูกเท่านั้น แต่ยังสามารถชะล้างแบคทีเรียหรือสารก่อภูมิแพ้ที่คุณสูดเข้าไปได้ด้วย
2. ลองกินโพรไบโอติกส์
โพรไบโอติกอาจช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้ เพราะแบคทีเรียที่มีประโยชน์บางสายพันธุ์ เช่น บิฟิโดแบคทีเรียม ลองกัม (Bifidobacterium longum) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ T-Cells ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ช่วยกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อในร่างกายและช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันได้อย่างรวดเร็วและช่วยต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ได้
3. กินวิตามินซี
สารเคมีที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการอักเสบจากภูมิแพ้ เรียกว่าสารฮิสทามีน (Histamine) สารชนิดนี้จะกระตุ้นทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวต่าง ๆ วิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านฮีสตามีนตามธรรมชาติ โดยจะลดปริมาณฮีสตามีนที่ร่างกายผลิตขึ้น การรับประทานวิตามินซีเป็นประจำอาจช่วยลดอาการแพ้เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และแสบตา น้ำตาไหล
4. อาบน้ำ ล้างตัว
ทันทีที่กลับถึงบ้านจากกิจกรรมกลางแจ้ง ให้ทำความสะอาดผิวหนังและเส้นผมเพื่อขจัดละอองเกสร ฝุ่น และสารปนเปื้อนต่าง ๆ ออกให้ได้มากที่สุด สิ่งนี้เป็นเรื่องจำเป็นมาก ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีปัญหาแพ้ฝุ่นและละอองเกษรดอกไม้
5. ใส่หน้ากากอนามัย
การสวมหน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลาย ๆ คนในยุคนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องเราและผู้อื่นจากอาการหวัดหรือไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องเราจากละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นควัน มลพิษและสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะหน้ากากประเภท N95 สามารถที่จะป้องกันอนุภาคขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้สูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์
6. ดื่มน้ำให้พอ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ว่าเป็นน้ำเปล่า น้ำชาปราศจากน้ำตาล และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อื่น ๆ เพราะน้ำสามารถทำให้น้ำมูกในโพรงจมูกของคุณอ่อนนุ่มและบางลง ช่วยให้คุณรู้สึกโล่งจมูกและหายใจได้สะดวกมากขึ้น น้ำยังช่วยลดอาการบวมและช่วยดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำชาอุ่น ๆ และน้ำซุปก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
7. สูดไอน้ำ
พยายามสูดไอน้ำเข้าไปเพื่อช่วยให้จมูกของเราโล่งสบาย โดยคุณสามารถใช้เครื่องช่วยพ่นไอน้ำ หรือจะสูดดมไอน้ำจากชามที่ใส่น้ำอุ่น ๆ ก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก อาการบวมในโพรงจมูกและช่วยให้คุณหายใจได้ง่ายขึ้น
หากคุณรู้สึกมีอาการไม่ปกติ โดยอาจจะรู้สึกเหมือนเป็นหวัดแต่ไม่มีไข้ มีน้ำมูก ผื่นคัน หรือมีอาการบวมนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังมีอาการแพ้ ลองปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ พร้อมจัดยาส่งถึงบ้าน ได้ที่แอพพลิเคชัน Mordee
ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ ผ่านแอป MorDee ส่งยาให้ถึงบ้าน คลิกรับส่วนลดเลย!
บทความที่คุณอาจสนใจ
- เป็นภูมิแพ้อากาศ กินอะไรดี 5 อาหารต้านโรคภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกัน
- 5 สาเหตุของผื่นคัน ผื่นคันตามตัวเกิดจากอะไร ทำไมยิ่งเกา ก็ยิ่งคัน !!