5 อาหารที่ควรเลี่ยง ทำให้นอนกรนได้ ไม่ควรกินตอนค่ำหรือก่อนนอน
การกินอาหารหนักท้องก่อนเข้านอน อาจทำให้อาหารไม่ย่อยและนอนกระสับกระส่ายตลอดคืนได้ รวมถึงอาหารบางประเภทก็อาจส่งผลให้เกิดอาการกรน หรือใครที่นอนกรนอยู่แล้วก็อาจจะทำให้อาการแย่ลงได้ ดังนั้นใครไม่อยากนอนกรน แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหาร 5 ประเภทนี้เลยค่ะ!
1. เนื้อสัตว์ไขมันสูง
เนื้อแดง เนื้อหมู เนื้อสำเร็จรูป เบคอน แฮมเบอร์เกอร์ต่างๆ เป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโปรตีนสูง กินแล้วจึงอาจไปกระตุ้นการผลิตเสมหะได้ รวมถึงสารบางชนิดที่พบในเนื้อสัตว์ เช่น แอนตี้ไบโอติกและฟอร์มาลดีไฮด์ก็อาจจะทำให้เกิดน้ำมูกได้ ดังนั้นเมื่อกินอาหารเหล่านี้ตอนกลางคืนช่วงก่อนนอนก็อาจจะทำให้การกรนของเราแย่ลงได้ค่ะ แนะนำให้เลือกกินเป็นเนื้อลีน เช่น เนื้อไก่ไร้หนัง ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ
2. ถั่วเหลือง
ถั่วเหลือง ก็ส่งผลให้เกิดการผลิตเสมหะและน้ำมูกมากขึ้นได้เช่นกัน ทำให้การกรนของเราแย่ลง รวมถึงถั่วเหลือยังทำให้เกิดการอักเสบและมีเสมหะไหลลงคอเมื่อเราเข้านอนค่ะ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการกินถั่วเหลืองก่อนนอน และแนะนำให้เลือกเป็นนมอัลมอนด์หรือนมไม่มีแลคโตสก็จะดีกว่านะคะ
3. ข้าวสาลี
ข้าวสาลีแปรรูปที่มักจะพบในขนมปัง ขนมอบต่างๆ ก็เป็นอาหารที่ทำให้เกิดอาการกรนได้ค่ะ เนื่องจากจะไปเพิ่มการอักเสบและเพิ่มโมเลกุลที่ควบคุมการผลิตเสมหะและน้ำมูก ทำให้ช่องจมูกแคบลง ส่งผลให้การกรนของเราดังขึ้นและบ่อยขึ้นกว่าที่เคย แนะนำให้เลือกกินเป็นขนมปังกลูเตนฟรีก็จะดีกว่าค่ะ
4. น้ำตาล
น้ำตาล อาหารที่มีการเติมน้ำตาลลงไป ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ทำให้กรนได้ค่ะ โดยน้ำตาลแปรรูปจะเปลี่ยนสภาพเป็นกรด นำไปสู่การผลิตเสมหะและน้ำมูกขึ้นได้ ส่งผลให้การกรนของเราแย่ลง รวมถึงน้ำตาลยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน ซึ่งจะยิ่งทำให้เรามีอาการกรนมากขึ้นได้ค่ะ
5. ผักผลไม้รสหวาน
ผักผลไม้รสหวาน เช่น กล้วย ข้าวโพด มันฝรั่ง กะหล่ำปลี มีน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งก็ทำให้เกิดอาการกรนได้ไม่ต่างจากน้ำตาลแปรรูป ทั้งน้ำตาลแปรรูปและน้ำตาลธรรมชาติจะเพิ่มระดับพลังงานของเรา หากเรากินอาหารเหล่านี้ก่อนเข้านอน เราจะนอนหลับไม่สนิทและมักจะกระสับกระส่าย รวมถึงยังเพิ่มเสมหะและน้ำมูก ทำให้เกิดการกรนได้ค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ