จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเบาหวาน? 9 อาการโรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง
จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเบาหวาน? มาเช็คเบาหวานด้วยตัวเองกัน! หากเรามี 9 อาการโรคเบาหวานตามนี้ อาจจะต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน เช็คก่อน รู้ก่อน รักษาได้ก่อนนะ!
ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ ผ่านแอป MorDee ส่งยาให้ถึงบ้าน คลิกรับส่วนลดเลย!
อาการโรคเบาหวาน
1.หิวบ่อย อ่อนเพลีย
ร่างกายจะเปลี่ยนอาหารที่เรากินเป็นกลูโคสที่เซลล์ของเราใช้เป็นพลังงาน แต่ถ้าเราเป็นโรคเบาหวาน เซลล์จะไม่สามารถดูดซึมกลูโคสได้อย่างถูกต้อง ร่างกายจึงไม่ได้รับพลังงานเพียงพอจากอาหารที่เรากินเข้าไป ทำให้ร่างกายต้องการเชื้อเพลิงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เรารู้สึกหิวตลอดเวลา และรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า เนื่องจากไม่มีพลังงานนั่นเอง
2. น้ำหนักตัวลดลง โดยไม่รู้สาเหตุ
เมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะเริ่มเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันสะสมแทน ทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยไม่ทราบสาเหตุ แม้ว่าเราจะหิวบ่อยและกินจุมากขึ้น โดยน้ำหนักอาจจะลดลงไปประมาณ 10 lbs หรือ 5% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด
3. ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ
ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรือฉี่มากกว่า 4-7 ครั้งใน 1 วัน ถือเป็นสัญญาณของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และโรคเบาหวานก็จะทำให้ไตทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกมาในปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นและมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งการปัสสาวะบ่อยนี้ก็มีส่วนทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ จึงทำให้เรารู้สึกกระหายน้ำบ่อยขึ้น และการดื่มน้ำมากก็ไม่ได้ช่วยลดความกระหายลงแต่อย่างใด
4. ผิวหนังแห้งและคัน
ผิวหนังแห้งและคัน เนื่องจากร่างกายของเราสูญเสียของเหลวไปกับปัสสาวะมาก จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้มีอาการปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ รวมไปถึงผิวแห้ง ซึ่งผิวแห้งมากๆ นี้ก็อาจทำให้มีอาการคันตามผิวหนังตามมาด้วยนั่นเอง
5. ผิวหนังเข้มขึ้น
โรคเบาหวานสามารถทำให้เกิดรอยคล้ำบนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบได้มากขึ้น เนื่องจากภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) หรือมีอินซูลินในเลือดมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ และอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนังที่เชื่อมโยงได้กับโรคเบาหวานก็คือโรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans)
6. ตาพร่ามัว
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็อาจทำลายหลอดเลือดในดวงตาของเราได้ ส่งผลให้เรามองเห็นได้ไม่ชัดในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ซึ่งหากเราปล่อยไว้โดยไม่ได้เข้ารับการรักษา ก็อาจจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจนถึงขั้นตาบอดได้ อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของระดับของเหลวในร่างกายก็อาจส่งผลให้เลนส์ตาบวมขึ้น และไม่สามารถโฟกัสได้อีกด้วย
7. ติดเชื้อรา
น้ำตาลส่วนเกินในปัสสาวะ ถือเป็นอาหารของยีสต์ (เชื้อราเซลล์เดียว) และแบคทีเรียเลยก็ว่าได้ อีกทั้งบริเวณที่อุ่นบวกกับมีอาหาร จึงทำให้พวกมันเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวาน มักจะพบปัญหาทางเดินปัสสาวะหรือการติดเชื้อราได้บ่อย นอกจากนั้นการติดเชื้อยังสามารถเกิดได้ในบริเวณอื่นๆ โดยเฉพาะผิวหนังที่อุ่นและชื้น เช่น ระหว่างนิ้วมือและนิ้วเท้า ใต้ราวนม รวมถึงในหรือรอบๆ อวัยวะเพศได้อีกด้วย
8. แผลหายช้ากว่าปกติ
การที่น้ำตาลในเลือดสูงจะทำลายเส้นประสาทและหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เลือด ออกซิเจนและสารอาหารจำเป็นส่งไปถึงบริเวณที่มีแผลได้ยากขึ้น แผลจึงหายช้า และยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้นอีกด้วย
9. ชาที่ปลายมือปลายเท้า
น้ำตาลในเลือดสูง อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเส้นประสาท โดยอาจจะเริ่มมีอาการชาคล้ายเข็มทิ่ม (Tingling or Numbness) และอาจจะลุกลามเป็นความเจ็บปวด หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทเมื่อเวลาผ่านไปได้
หากเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์ด่วน
ลูกค้าทรู รับส่วนลดเพียบ ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า คลิกรับสิทธิ์เลย!
บทความที่คุณอาจสนใจ