5 เทคนิคลดน้ำหนัก ลดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสียสุขภาพ ไม่กลับมาอ้วนอีก
หลายคนมีปัญหากับการลดน้ำหนักค่ะ ทั้งทำแล้วรู้สึกว่าไม่สบายตัว รู้สึกเครียดและทรมาน และทำให้การลดน้ำหนักในแต่ละครั้งนั้นทำได้ไม่ยั่งยืน ทำได้แค่พักเดียวก็ต้องหยุดไป สุดท้ายก็ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ หรือบางคนลดไปได้แต่ก็กลับมาอ้วนใหม่ ทั้งนี้ก็อาจเป็นเพราะเราไม่รู้เทคนิคในการลดว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ผอมได้อย่างถาวรและไม่ล้มเลิกกลางคัน ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 เทคนิคก่อนที่จะลดน้ำหนักว่ามีอะไรบ้างที่เราควรทำเพื่อที่จะได้ลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสียสุขภาพและไม่กลับมาอ้วนอีกครั้งค่ะ
5 เทคนิคลดน้ำหนัก ไม่กลับมาอ้วนอีก
1. ตั้งเป้าหมาย
ก่อนอื่นเราควรจะต้องกำหนดเป้าหมายเสียก่อน ว่าเราตั้งใจจะลดน้ำหนักกี่กิโลกรัม จากนั้นค่อยกำหนดระยะเวลาในการลดค่ะ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพแพทย์มักจะแนะนำให้เราลดน้ำหนักภายใน 1 เดือนไม่ควรจะเกิน 3 - 4 กิโลกรัม เพราะว่าการลดเร็วเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนั้นหากใครที่ต้องการลดน้ำหนักหลายกิโล ก็จำเป็นที่จะต้องกำหนดระยะเวลาให้นานขึ้นด้วยค่ะ
2. เลือกวิธีลดน้ำหนัก
ในปัจจุบันมีสูตรการลดน้ำหนักหลายวิธีด้วยกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนับแคลอรี่ การทำ intermittent fasting หรือ IF การลดน้ำหนักแบบคีโต เราควรต้องเลือกวิธีการลดน้ำหนักให้เหมาะกับตัวเองและไม่ควรนำหลาย ๆ วิธีมารวมกัน เช่น นำการนับแคลอรี่มารวมกับการทำ IF แบบนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายทรุดโทรมหนักและส่งผลกระทบกับร่างกายในระยะยาวได้ค่ะ
3. เลือกวิธีที่ไม่ทรมานร่างกาย
การลดน้ำหนักจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา หากเราเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง เมื่อทำไปนาน ๆ เข้าก็อาจจะเกิดความเครียดและทำให้เราไม่อยากทำต่อเพราะรู้สึกทรมานตัวเองค่ะ ซึ่งเมื่อเราทำได้ไม่ยั่งยืนแล้วการลดน้ำหนักของเราก็จะล้มเหลวในที่สุด ดังนั้นเราควรต้องระวังอย่าเลือกวิธีที่ไม่เหมาะกับนิสัยของตัวเองและอย่าหักโหมลดน้ำหนักเกินไปจนไม่ได้ผ่อนคลายค่ะ
4. อย่าอดอาหาร
การควบคุมอาหารไม่ใช่การอดอาหารค่ะ การควบคุมอาหารคือการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับร่างกายตนเอง ทำให้ร่างกายมีพลังงานอย่างเพียงพอและสามารถดึงไขมันสะสมออกมาใช้ได้ แต่การอดอาหารนั้นจะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน ถึงแม้ร่างกายจะดึงไขมันเดิมที่เคยสะสมออกมาใช้แต่ก็เพียงแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ หากเรายังคงอดอาหารอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง ส่งผลให้เรามีปัญหาสุขภาพและมีปัญหาโยโย่เอฟเฟกต์ตามมาได้ในภายหลังค่ะ
5. ใช้สายวัดตัว
หลายคนอาจจะใช้วิธีชั่งน้ำหนักเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่หลาย ๆ ครั้งเครื่องชั่งน้ำหนักก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกได้ทั้งหมดค่ะ เพราะบางคนที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย อาจจะน้ำหนักตัวไม่ลดลงหรือบางครั้งอาจจะเพิ่มขึ้นได้ เพราะร่างกายมีกล้ามเนื้อมากขึ้นค่ะ ดังนั้นเพื่อเป็นการตรวจสอบว่าร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ก็ให้เราใช้สายวัดตัว วัดขนาดรอบเอวและรอบต้นแขนต้นขา เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงคู่ไปกับการชั่งน้ำหนักเป็นบางครั้งคราวค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- วิธีลดน้ำหนัก 3 ขั้นตอนง่ายๆ แต่ได้ผลเร็ว สำหรับคนขี้เกียจ ไม่มีเวลา
- 5 เทคนิคที่ควรทำตอนเย็น เพื่อช่วยลดน้ำหนัก ผอมอย่างปลอดภัย แถมสุขภาพดี