5 อาหารที่มีเลซิติน ช่วยบำรุงสมอง ตับ ลดคอเลสเตอรอล ลดความอ้วน
เลซิติน (Lecithin) คือสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายหลายด้าน ร่างกายไม่ควรขาดเลย ซึ่งอาหารที่มีเลซิตินนั้นจะมีอะไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปแนะนำค่ะ กินแล้วดี!
เลซิติน คืออะไร
เลซิติน (Lecithin) คือ สารที่ร่างกายผลิตขึ้นเองจากตับ เป็นสารประกอบของกรดไขมันจำเป็น ฟอสฟอรัส และวิตามินบีอย่าง โคลีนและอินอสซิตอล (Inositol) ซึ่งหากร่างกายได้รับสารเหล่านี้ไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้ไม่สามารถสร้างเลซิตินที่เพียงพอต่อการใช้งานได้ โดยเราสามารถพบแหล่งเลซิตินได้ทั้งจากพืชและสัตว์
เลซิติน ช่วยเรื่องอะไร
- ช่วยควบคุมกระบวนการต่างๆ ภายในเซลล์ให้ทำงานได้ดี
- ช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอล ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันคอเลสเตอรอลได้ดีขึ้น
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน
- ช่วยเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน
- ช่วยป้องกันหัวใจขาดเลือด ป้องกันโรคหัวใจ
- ช่วยขับสารพิษในร่างกาย
- ช่วยบำรุงตับ ลดไขมันพอกตับ ลดโรคตับต่างๆ
- ช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ สมาธิ และการเรียนรู้ ป้องกันโรคสมอง
- ช่วยป้องกันท่อน้ำนมอุดตันในนมแม่ และช่วยพัฒนาระบบระสาทและสมองของทารกในครรภ์
- ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- ช่วยในเรื่องการนอนหลับ
- ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนไทรอยด์
- ช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น เต่งตึง
เลซิติน อยู่ในอาหารอะไร
1. ไข่แดง
ไข่แดง เป็นแหล่งของเลซิตินที่ดี สำหรับใครที่หลีกเลี่ยงการกินไข่แดงและกินแต่ไข่ขาว เพื่อลดไขมันและแคลอรี่จากไข่แดง ก็อาจทำให้เราขาดสารอาหารที่อยู่ในไข่แดงไปได้ อย่างเช่น เลซิติน โคลีน ซีลีเนียม วิตามินบี วิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี
2. เครื่องในสัตว์
เครื่องในสัตว์ เช่น ไต หัวใจ โดยเฉพาะตับไก่ ถือเป็นแหล่งของเลซิตินที่ดีเลยก็ว่าได้ ซึ่งตับไก่นอกจากจะมีเลซิตินแล้ว ก็ยังมีธาตุเหล็กที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย ใครที่กำลังมองหาแหล่งเลซิตินจากสัตว์ แนะนำให้เลือกกินเครื่องในสัตว์เลย
3. ถั่วเหลือง
ถั่วเหลือง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยเลซิติน ซึ่งนอกไปจากไข่หรือเครื่องในสัตว์แล้ว ใครที่อยากได้รับเลซิตินจากพืช ถั่วเหลืองถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลย และนอกไปจากถั่วเหลืองแล้ว ถั่วแดงและถั่วดำก็ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งเลซิตินเช่นกัน
4. เมล็ดทานตะวัน
ถั่วและเมล็ดพืช เรียกได้ว่าเป็นแหล่งไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ รวมถึงยังเป็นแหล่งของเลซิตินอีกด้วย ซึ่งนอกไปจากถั่วเหลืองแล้ว ก็ยังมีเมล็ดพืชอย่างเมล็ดทานตะวันที่ก็อุดมไปด้วยเลซิตินเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำมันเมล็ดทานตะวันที่ถือเป็นแหล่งของเลซิตินชั้นเยี่ยม และมักจะถูกสกัดนำไปทำเป็นอาหารเสริมเลซิตินนั่นเอง
5. จมูกข้าวสาลี
ธัญพืชอย่าง จมูกข้าวสาลี ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยเลซิตินเช่นกัน ใครอยากได้รับเลซิตินจากพืช จมูกข้าวสาลีถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่ดีเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกไปจากเลซิตินแล้ว จมูกข้าวสาลีก็ยังมีไฟเบอร์ โปรตีนและธาตุเหล็กที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ
