9 อาหารสำหรับคนเป็นเบาหวาน กินแล้วดี ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แนะนำให้กินอาหารสำหรับคนเป็นเบาหวาน 9 ประเภทนี้เลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่กินแล้วดี มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงจนเกินไป แถมในอาหารบางชนิดก็ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของภาวะดื้ออินซูลิน แถมยังช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจได้อีกด้วย ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานถือเป็นกลุ่มบุคคลที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจตามมาสูงนั่นเอง
1. โฮลเกรน
โฮลเกรน หรือธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ได้ผ่านการขัดสี หรืออาจจะผ่านการขัดสีมาน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นธัญพืชที่ยังคงไว้ซึ่งสารอาหารอย่างครบถ้วน สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน แนะนำให้ทานแบบไม่ขัดสีจะดีกว่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง, ข้าวไรย์, ขนมปังโฮลวีท, เส้นพาสต้าโฮลเกรน หรือควินัว ซึ่งโฮลเกรน เรียกได้ว่าอุดมไปด้วยไฟเบอร์สูง ดีสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน เนื่องจากไฟเบอร์จะช่วยให้การย่อยอาหารช้าลงและดูดซึมสารอาหารช้าลงด้วย ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่นั่นเอง
2. ผักใบเขียว
- โดยเฉพาะ ปวยเล้ง, ผักเคล, ผักกาดหอม, บรอกโคลี
ผักใบเขียว โดยเฉพาะปวยเล้ง, ผักเคล และผักกาดหอม เป็นผักที่มีไฟเบอร์สูง แถมยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและวิตามินเออีกด้วย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีแคลอรี่ที่ต่ำและคาร์โบไฮเดรตน้อย ทานแล้วจึงไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นค่ะ
อีกทั้งยังมีบรอกโคลี ที่ก็มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะต้นอ่อนบรอกโคลี ที่มีส่วนช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากสารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) ที่อยู่ในบรอกโคลีนั่นเอง
3. เมล็ดเจีย
เมล็ดเจียอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูง คาร์โบไฮเดรตน้อย ไขมันเลวและไตรกลีเซอไรด์ก็น้อย ทานแล้วไม่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี แถมยังมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตและลดน้ำหนักได้อีกด้วยค่ะ
4. ถั่วต่างๆ
- โดยเฉพาะ วอลนัท, อัลมอนด์, พิสตาชิโอ
ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะ วอลนัท, อัลมอนด์ และพิสตาชิโอ เป็นถั่วที่มีไฟเบอร์สูง คาร์โบไฮเดรตน้อย ทานแล้วมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และยังช่วยลดไขมันเลวในร่างกายได้อีกด้วย ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยประเภทที่จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสูง
โดยเฉพาะถั่วอย่าง วอลนัท ที่มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้น อีกทั้งยังอุดมไปด้วย ALA หรือ กรดอัลฟาไลโปอิก ที่มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ รวมไปถึงถั่วอย่าง อัลมอนด์ด้วยเช่นกันที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังการกินอาหาร แถมยังป้องกันโรคเบาหวานได้อีกด้วย
5. เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์ อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์หรือใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องความไวต่ออินซูลิน ดีต่อสุขภาพลำไส้ แถมยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยค่ะ
6. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- โดยเฉพาะ สตรอว์เบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, แบล็คเบอร์รี่, ราสเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ โดยเฉพาะ สตรอว์เบอร์รี่, บลูเบอร์รี่, แบล็คเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้ เนื่องจากจะไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้น รวมไปถึงยังมีไฟเบอร์สูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง แอนโทไซยานิน ที่มีส่วนช่วยชะลอการย่อยอาหาร ป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหลังจากที่กินแป้งเข้าไป
โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของภาวะดื้ออินซูลิน และสตรอว์เบอร์รี่ ที่ส่งผลดีในเรื่องของความไวต่ออินซูลิน ในผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน (แต่ยังไม่เป็นโรคเบาหวาน) ซึ่งหากความไวต่ออินซูลินต่ำ ก็อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นตามมาได้นั่นเอง นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดีต่อสุขภาพหัวใจอีกด้วย
7. กระเทียม
ในกระเทียมมีแคลอรี่ที่ต่ำ กินแล้วมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ลดไขมันเลว แถมยังช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วยค่ะ
8. อะโวคาโด
อะโวคาโด มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ส่งผลดีต่อน้ำตาลในเลือด มีส่วนช่วยในเรื่องของความไวต่ออินซูลิน ดีต่อดีความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อภาวะเมแทบอลิกซินโดรม ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานตามมา รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่กินแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดเลยล่ะค่ะ เพราะมีไฟเบอร์สูง คาร์โบไฮเดรตน้อย และมีไขมันดี รวมถึงยังมี Avocatin B ที่มีส่วนช่วยลดภาวะดื้ออินซูลินอีกด้วย
9. ไขมันปลา
- โดยเฉพาะปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3, ทูน่า, แซลมอน, ซาร์ดีน, แฮร์ริ่ง, แมกเคอเรล
ไขมันปลา โดยเฉพาะปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3, ทูน่า, แซลมอน, ซาร์ดีน, แฮร์ริ่ง และแมกเคอเรล โดยกรดไขมันโอเมก้า 3 นั้นมีส่วนช่วยลดการอักเสบและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูง นอกจากนั้นไขมันปลายังมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังมีโปรตีนสูง และช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อีกด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ