รีเซต

6 ของกิน เสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์ มีอะไรบ้าง? ผู้หญิงยุคใหม่ต้องรู้!

6 ของกิน เสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์ มีอะไรบ้าง? ผู้หญิงยุคใหม่ต้องรู้!
aamyemily
29 ตุลาคม 2568 ( 12:00 )
35

    เลี่ยงได้เลี่ยง ภัยเงียบที่ต้องระวัง! 6 ของกิน เสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์ ที่ผู้หญิงยุคใหม่ต้องรู้ เพื่อช่วยลดโอกาสอักเสบ และซีสต์โตขึ้น

    ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือทางการแพทย์เรียกว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในรังไข่ เป็นโรคที่สร้างความกังวลให้ผู้หญิงจำนวนมาก เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรงแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ หรือ การมีบุตรยาก ได้อีกด้วย

    ซึ่งโรคนี้มีความสัมพันธ์กับระดับ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูง และ ภาวะการอักเสบเรื้อรัง ในร่างกาย แม้ว่าอาหารจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่พฤติกรรมการกินสามารถเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ซีสต์โตขึ้นหรือทำให้อาการปวดทรุดลงได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวม 6 กลุ่มอาหารที่คนเป็นช็อกโกแลตซีสต์ และผู้ที่เสี่ยงควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณลงให้เป็นการดูแลตัวเองง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติค่ะ

 

 

6 ของกิน เสี่ยง ช็อกโกแลตซีสต์

    การลดการบริโภคอาหารเหล่านี้มีจุดประสงค์หลัก คือ การลดการอักเสบ และ ลดการกระตุ้นฮอร์โมนเอสโตรเจน ในร่างกาย

 

 

1. น้ำตาล และ อาหารรสหวานจัด

  • เหตุผลที่ต้องเลี่ยงเพราะ น้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลทรายขาว น้ำเชื่อม น้ำอัดลม และขนมหวาน เป็นตัวการสำคัญในการ กระตุ้นการอักเสบ ทั่วร่างกายอย่างรุนแรง เมื่อร่างกายเกิดการอักเสบ จะยิ่งส่งเสริมให้รอยโรคของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ขยายตัวและมีอาการปวดมากขึ้น

  • ตัวอย่าง : เค้ก ขนมหวาน ชา/กาแฟใส่น้ำตาลเยอะ น้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลม

 

2. ไขมันทรานส์ ของทอดของมัน

  • อาหารทอดที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หรืออาหารที่มี ไขมันทรานส์ สูง เช่น มาการีน ขนมอบกรอบ เป็นแหล่งของไขมันที่ไม่ดี ซึ่งกระตุ้นการสร้างสารที่ก่อให้เกิด การอักเสบ ในระดับเซลล์ ทำให้โรคกำเริบได้

  • ตัวอย่าง : โดนัท เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด อาหารแปรรูปที่มีไขมันสูง

 

 

3. เนื้อแดง เนื้อสัตว์แปรรูป

  • การบริโภค เนื้อแดง (Red Meat) ในปริมาณมาก อาจส่งผลกับการเพิ่มความเสี่ยงของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นอกจากนี้ เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง มักมีสารปรุงแต่งและไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย

 

4. ผลิตภัณฑ์จากนมวัว

  • ผลิตภัณฑ์จากนมวัวบางชนิด อาจมีสารที่คล้าย ฮอร์โมน (Growth Factors) หรือ ฮอร์โมนที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย และในบางราย สารในนมวัว อาจกระตุ้นให้เกิด ภาวะภูมิแพ้และอักเสบ ในระบบทางเดินอาหารได้ค่ะ

  • คำแนะนำ : ควรจำกัดปริมาณ หรือเปลี่ยนไปบริโภคนมทางเลือกแทน เช่น นมอัลมอนด์ นมโอ๊ต หรือโยเกิร์ตที่ทำจากนมแพะแทน

 

 

5. อาหารเสริม สมุนไพรที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนสูง

  • อาหารเสริมบางประเภท หรือสมุนไพรที่โฆษณาว่า ช่วยบำรุงผิวพรรณ หรือเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง เช่น กวาวเครือ หรือผลิตภัณฑ์ที่มี ไฟโตเอสโตรเจนเข้มข้น อาจไป กระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และซีสต์ขยายตัวได้

  • ข้อควรระวัง : ก่อนใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

 

6. แอลกอฮอล์ คาเฟอีน 

  • แอลกอฮอล์ มีผลต่อการทำงานของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ กำจัดฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกิน ออกจากร่างกาย เมื่อตับทำงานหนักหรือไม่สมบูรณ์ อาจทำให้ระดับเอสโตรเจนในเลือดสูงขึ้นได้ ส่วน คาเฟอีน ในปริมาณมาก อาจมีผลกระตุ้นฮอร์โมนเช่นกัน และทำให้ภาวะอักเสบทั่วร่างกายแย่ลง

  • คำแนะนำ : จำกัดกาแฟไม่เกิน 1 แก้ว/วัน และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากที่สุด

 

ควรกินอะไรเพื่อต้านซีสต์

    การดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร คือการสร้างสภาวะ ต้านการอักเสบ ในร่างกาย โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ดังนี้

  • เน้นผัก ผลไม้สด : โดยเฉพาะกลุ่มผักผลไม้ที่มีสีเข้มและสีม่วง ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

  • ไขมันดี : บริโภคอาหารที่มี โอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก แซลมอน, วอลนัต, เมล็ดแฟลกซ์ เพราะเป็นสารสำคัญในการ ลดการอักเสบ

  • ธัญพืช คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

    การจัดการกับช็อกโกแลตซีสต์ที่ได้ผลที่สุดคือการ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกายของเรานะคะ ทั้งการใช้ยา การผ่าตัด และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี