6 ข้อผิดพลาด ที่ทำให้การเผาผลาญช้าลง ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ มีไขมันสะสม
การรักษาระดับเมตาบอลิซึมหรืออัตราการเผาผลาญพลังงานให้ทำงานได้แบบมีประสิทธิภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนัก หากระบบเผาผลาญของเราพังหรือระบบเผาผลาญของเราทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็สามารถส่งผลทำให้ร่างกายของเราเกิดการสะสมไขมันมากขึ้นได้ค่ะ
มีข้อผิดพลาดในการใช้ชีวิตหลายอย่างที่อาจทำให้การเผาผลาญพลังงานของเราช้าลงได้ ซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้เราอาจจะเผลอทำเป็นประจำ ซึ่งเมื่อเราทำบ่อย ๆ แล้ว นิสัยเหล่านี้ก็อาจทำให้เราลดน้ำหนักได้ยากขึ้น และหนำซ้ำยังอาจทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจึงได้นำ 6 ข้อผิดพลาดในการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้การเผาผลาญช้าลงมาให้ได้ลองเอาไปเช็คลิสต์กันค่ะ ใครที่ทำแบบนี้อยู่ ต้องรีบเปลี่ยนด่วน !!
6 ข้อผิดพลาด ที่ทำให้การเผาผลาญช้าลง
1. กินน้อยเกินไป
การกินน้อยเกินไปก็จะทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่น้อย ฟังดูอาจจะเหมือนดีแต่ในความเป็นจริงแล้วการกินน้อยจะทำให้ร่างกายขาดพลังงานและอาจทำให้การเผาผลาญพลังงานของเราลดลงอย่างมากค่ะ ถึงแม้ว่าการลดแคลอรี่จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก แต่การลดแคลอรี่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายของเรารู้สึกว่ากำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนและลดอัตราการเผาผลาญลง การลดแคลอรี่มากเกินไปและนานเกินไปจะลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของเรา ทำให้เราเผาผลาญไขมันได้น้อยซึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักและการรักษาน้ำหนักทำได้ยากขึ้น
2. รับโปรตีนไม่เพียงพอ
การกินโปรตีนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดน้ำหนักและรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ โปรตีนนอกจากจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มแล้ว การกินโปรตีนในปริมาณที่มากขึ้นยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรีให้กับร่างกายได้อีกด้วย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยและดูดซึมสารอาหารประเภทนี้มากขึ้น จึงทำให้สามารถช่วยเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญในแต่ละวันให้มากขึ้นได้
3. ขาดการขยับตัว
การอยู่นิ่ง ๆ แล้วใช้ชีวิตประจำวันของเราไปเรื่อย ๆ อาจทำให้ปริมาณแคลอรีที่ร่างกายเผาผลาญได้ในแต่ละวันลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนั่งทำงานเป็นหลัก พฤติกรรมนี้สามารถส่งผลเสียต่ออัตราการเผาผลาญและสุขภาพโดยรวมได้ ในทางกลับกันการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาสามารถกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น แม้แต่การออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การทำความสะอาดบ้าน และการขึ้นบันได ก็สามารถช่วยให้เราเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าไม่ออกกำลัง ดังนั้นหากใครที่นั่งทำงานที่โต๊ะทั้งวัน อาจจะลองยืนหรือลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง แบบนี้ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้มากขึ้นได้ค่ะ
4. นอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี การนอนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวานและภาวะซึมเศร้า รวมถึงการนอนหลับไม่เพียงพอก็จะลดอัตราการเผาผลาญและทำให้เสี่ยงกับการที่เราจะน้ำหนักเพิ่มได้ จากงานวิจัยพบว่าผู้ที่มีสุขภาพดีแต่นอนหลับเพียง 4 ชั่วโมงต่อคืนเป็นเวลา 5 คืนติดต่อกัน มีอัตราการเผาผลาญลดลงโดยเฉลี่ยถึง 2.6% แต่อัตราการเผาผลาญจะกลับมาเป็นปกติได้หลังจากนอนหลับอย่างต่อเนื่องค่ะ
5. ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มรสหวาน เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราค่ะ ยิ่งเราดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้มากเท่าไหร่ก็จะเร่งให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ทั้งภาวะการดื้อต่ออินซูลิน โรคเบาหวานและโรคอ้วน ผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากเครื่องดื่มชนิดนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะการบริโภคเครื่องดื่มรสหวานบ่อยครั้งอาจทำให้การเผาผลาญของเราลดลง และการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปยังเป็นการเพิ่มการสะสมไขมันในบริเวณท้องและตับอีกด้วย
6. ขาดการออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่ง
การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนนิ่งหรือบอดี้เวท เป็นแนวทางที่ดีในการช่วยป้องกันไม่ให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงได้ เพราะการออกกำลังลักษณะนี้สามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและช่วยลดมวลไขมันในร่างกาย นอกจากนี้การที่เรามีกล้ามเนื้อมาก ยังส่งผลให้ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ในช่วงที่เราไม่ออกกำลังกายอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามการไม่ออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่ง ก็อาจจะทำให้เรามีมวลกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง และทำให้อัตราการเผาผลาญทำงานได้แบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 4 เทคนิคเร่งระบบเผาผลาญ ลดไขมันได้ดีขึ้น ลดน้ำหนักได้เร็ว
- 5 วิธีกระตุ้นระบบเผาผลาญ เมื่ออายุมาก เผาผลาญยาก ต้องฟื้นฟูให้ดีขึ้น