ทำความรู้จัก ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI) ปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง
ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection : UTI) เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิง จนกลายเป็นหัวข้อยอดฮิตในการค้นหา เนื่องจากกายวิภาคของผู้หญิงมีท่อปัสสาวะ ที่สั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อแบคทีเรียจากทวารหนัก สามารถเดินทางเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่ามากค่ะ และหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจลุกลามไปถึงไตและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลอาการ สาเหตุ และ พร้อมวิธีป้องกันที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้มาฝากกันค่ะ
อาการของ UTI เป็นอย่างไร ?
อาการของ UTI จะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่เกิดการติดเชื้อ แต่โดยส่วนใหญ่มักเริ่มจากอาการที่ทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (กระเพาะปัสสาวะอักเสบ)
อาการทั่วไป (ต้องสงสัย UTI)
- ปัสสาวะแสบขัด และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะสุด
- ปวดปัสสาวะบ่อย และรู้สึกปวดแบบเร่งรีบ (กลั้นไม่ค่อยอยู่)
- ปัสสาวะออกมาน้อย และรู้สึกปัสสาวะไม่สุด
- ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นแรง ผิดปกติ หรือมีเลือดปนเล็กน้อย
อาการรุนแรง (ควรรีบพบแพทย์ทันที)
- ปวดเอว หรือปวดหลังด้านข้าง (บริเวณไต) อย่างรุนแรง
- มีไข้สูง หนาวสั่น (บ่งชี้ว่าเชื้อลามไปที่ไต)
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหาร
สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้หญิงเป็น UTI บ่อยกว่าผู้ชาย
กายวิภาค : ท่อปัสสาวะผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชายมาก และอยู่ใกล้กับทวารหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ทำให้เชื้อแบคทีเรีย เข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ง่าย
การอั้นปัสสาวะ : เมื่อปัสสาวะถูกเก็บไว้นาน แบคทีเรียจะมีเวลาในการเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวน
สุขอนามัยที่ไม่ถูกต้อง : การเช็ดทำความสะอาดจากด้านหลังมาด้านหน้าหลังขับถ่าย
กิจกรรมทางเพศ : เชื้อแบคทีเรียอาจถูกดันเข้าสู่ท่อปัสสาวะระหว่างมีเพศสัมพันธ์
5 วิธีป้องกัน ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเปล่าให้ได้ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน เป็นวิธีพื้นฐานและมีประสิทธิภาพ เพราะน้ำจะช่วย ชะล้างแบคทีเรียออกจากระบบทางเดินปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เชื้อไม่มีโอกาสเกาะติดผนังกระเพาะปัสสาวะจนเกิดการอักเสบ
2. อย่ากลั้นปัสสาวะเด็ดขาด
เมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ ควรรีบเข้าห้องน้ำทันที เพราะการอั้นปัสสาวะ คือการเปิดโอกาสให้แบคทีเรียเติบโต และแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเกิด UTI
3. สุขอนามัยหลังขับถ่าย และ มีเพศสัมพันธ์
หลังขับถ่าย : เช็ดทำความสะอาดจาก ด้านหน้าไปด้านหลัง เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
หลังมีเพศสัมพันธ์ : ควรปัสสาวะทันทีหลังเสร็จกิจกรรม เพื่อช่วยขับแบคทีเรียที่อาจถูกดันเข้าไปในท่อปัสสาวะออกมาให้มากที่สุด
4. สารสกัดจากแครนเบอร์รี
สารสกัดจากแครนเบอร์รี แต่ต้องเป็นในรูปแบบแคปซูล หรือ น้ำผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลสูงนะคะ เพราะเป็นที่นิยมมากในการป้องกัน UTI เพราะมีสาร โปรแอนโทไซยานิดิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการ ป้องกันไม่ให้แบคทีเรีย เกาะติดกับผนังกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปพร้อมปัสสาวะ
5. เลี่ยงผลิตภัณฑ์ระคายเคือง
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม หรือสารเคมีในบริเวณอวัยวะเพศ เช่น สบู่ โฟมอาบน้ำที่มีกลิ่นแรง หรือสเปรย์ดับกลิ่น เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเสียสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในบริเวณนั้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
บทความที่คุณอาจสนใจ
กินอะไรบำรุงกระเพาะปัสสาวะ? รวม 6 อาหารที่ดีต่อสุขภาพกระเพาะปัสสาวะ
6 โรคอันตราย ภัยเงียบ !! ปัสสาวะบ่อย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้![]()
สิทธิประโยชน์แนะนำ

