14 อาหารสำหรับผิวแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวแห้งขาดน้ำ กินอะไรดี
ผิวแห้งกร้าน ผิวลอก และแตกเป็นขุย ผิวที่สัมผัสแล้วรู้สึกสากมือและในบางครั้งอาจมีอาการแสบ ๆ ร่วมด้วย ผิวที่แห้งมากแบบนี้ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารจนทำให้หมองคล้ำตลอด การปล่อยให้ผิวแห้งเป็นเวลานาน ๆ อาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ผิวหนังได้ ดังนั้นเราจึงต้องให้ความดูแลใส่ใจผิวของเราให้สุขภาพดีอยู่เสมอค่ะ
หากการทามอยส์เจอไรเซอร์ไม่เพียงพอ ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมารับประทานอาหารสำหรับผิวแห้งกันแล้วค่ะ อาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ที่เรารวบรวมมาให้ สามารถช่วยล้างสารพิษและกักเก็บความชุ่มชื้นซึ่งเป็นวิธีการช่วยรักษาผิวแห้งที่ดี ... และนี่ก็คือลิสต์อาหารที่คนผิวแห้งควรรับประทานเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นค่ะ !!
14 อาหารสำหรับผิวแห้ง
1. ถั่ว
ถั่ว เช่น อัลมอนด์ วอลนัท แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเฮเซลนัท เต็มไปด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 โปรตีน วิตามินอี วิตามินกลุ่มบี แมกนีเซียม ซีลีเนียม ทองแดง เหล็ก สังกะสี แคลเซียม โพแทสเซียม และใยอาหาร สารอาหารเหล่านี้ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและความสมบูรณ์ของเซลล์ผิว ช่วยเพิ่มการไหลเวียน และช่วยลดความแห้งกร้านบริเวณผิวได้ ทำให้ผิวของเราเนียนนุ่ม อ่อนโยน และเปล่งปลั่งค่ะ
2. อะโวคาโด
อะโวคาโดประมาณ 1 ถ้วยประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ วิตามินเค กรดไขมันโอเมก้า 3 และโฟเลต สารอาหารเหล่านี้ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิว เติมน้ำให้กับเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม และยังช่วยลดริ้วรอยได้ด้วย
3. กล้วย
กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินดี นอกจากนี้ยังมี ไนอาซิน ไรโบฟลาวิน ทองแดง สังกะสี เหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต และใยอาหาร ซึ่งใยอาหารในกล้วยสามารถช่วยล้างสารพิษและช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว การบริโภคกล้วยเป็นประจำสามารถทำให้ผิวของเราเปล่งปลั่งและเรียบเนียนมากขึ้นได้ค่ะ
4. ว่านหางจระเข้
เนื้อด้านในของว่านหางจระเข้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงยังสามารถช่วยบำรุงผิวแห้งและช่วยแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ อย่างเช่นผิวขาดน้ำได้ด้วย เนื้อว่านหางจระเข้ประกอบด้วยน้ำ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี12 และโคลีน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญ เช่น สังกะสี ทองแดง โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซีลีเนียม โครเมียม และแคลเซียม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ไกลโคไซด์ แอนทราควิโนน และกลูโคแมนแนน ว่านหางจระเข้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ ช่วยเติมน้ำให้เซลล์ผิว ช่วยให้ความชุ่มชื้นและทำให้ผิวนุ่มขึ้น รวมถึงยังช่วยส่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในร่างกาย ช่วยชะลอความชราของผิว และปกป้องผิวจากรังสียูวีค่ะ
5. น้ำมันมะกอก
ชาวอียิปต์โบราณใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหนึ่งในเครื่องสำอาง และในปัจจุบันก็ยังมีการใช้น้ำมันมะกอกเพื่อบำรุงผิวอยู่ค่ะ เพราะกรดไขมันที่มีอยู่มากในน้ำมันมะกอก สามารถช่วยรักษาความสมบูรณ์ของผิวหนังชั้นนอกและช่วยรักษาบาดแผลได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันการเกิดแผลเป็น และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว การใช้น้ำมันมะกอกเพื่อบำรุงผิวนั้น สามารถที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารก็ได้ หรือจะเลือกน้ำมันมะกอกแบบทาผิวก็ได้ค่ะ
6. ปลา
ปลาน้ำลึก เช่น ปลาค็อด ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาเฮอริ่ง มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพผิวของเรา เพราะปลาเหล่านี้อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และยังเพิ่มกรดไขมันดีให้กับร่างกาย การบริโภคปลาเหล่านี้จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษ และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง ทำให้ผิวของเราดูมีน้ำมีนวล เนียนนุ่มและเปล่งปลั่ง
7. แตงกวา
แตงกวานั้นถือเป็นอาหารยอดนิยมที่ช่วยรักษาผิวแห้งได้ดี แตงกวา 1 ลูกประกอบด้วยน้ำ วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินเค นอกจากนี้ยังมีโฟเลต แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม สังกะสี ซีลีเนียม ฟอสฟอรัส กรดไขมันโอเมก้า 3 และใยอาหาร ปริมาณน้ำในแตงกวาสูงมากและทำให้แตงกวาเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในการช่วยลดปัญหาผิวแห้งและผิวแห้งขาดน้ำ นอกจากนี้บริเวณเปลือกยังเป็นแหล่งของซิลิกา ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญอย่างมากต่อกล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกอ่อน และกระดูก รวมถึงซิลิกายังมีส่วนช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรงด้วย
8. ผักใบเขียวเข้ม
ผักใบเขียวเข้มเป็นอาหารที่เหมาะกับผิวของเราอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคะน้า ผักโขม ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี หัวผักกาด ก็ล้วนเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินเค นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม สังกะสี แมกนีเซียม เหล็ก กรดโฟลิก และไฟเบอร์ ผักใบเขียวเหล่านี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบตามธรรมชาติ สามารถช่วยลดปัญหาผิวแห้งและอาการคัน โดยการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายค่ะ
9. ไข่
ไข่เต็มไปด้วยวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินอี รวมถึงยังมีโฟเลต โคลีน โปรตีน กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม และโซเดียม หากเราต้องการจะบริโภคไข่เพื่อช่วยลดปัญหาผิวแห้งและเป็นขุย ก็อย่าลืมกินไข่แดงด้วย เพราะในไข่แดงประกอบไปด้วยวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของเยื่อหุ้มเซลล์ผิวได้ค่ะ
10. ทับทิม
หากเราต้องการรักษาผิวให้ชุ่มชื้นและลดความแห้งกร้าน เมล็ดทับทิมสามารถช่วยได้ค่ะ เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดการระคายเคือง และอาการคัน เมล็ดทับทิมยังอุดมไปด้วยน้ำ วิตามินเอ วิตามินซี และแร่ธาตุ ช่วยให้เซลล์ผิวชุ่มชื้น และช่วยรักษารอยแตกที่เกิดจากความแห้งกร้านค่ะ
11. ชาคาโมไมล์
ชาคาโมมายล์อุดมไปด้วยวิตามินเอ โฟเลต และแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก ชาคาโมมายล์มีสารต้านการอักเสบมากมาย เช่น อัลฟาบิซาโบลอลและชามาซูลีน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งและคัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดปริมาณสารพิษออกจากร่างกายทำให้เซลล์ทำงานได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้น้ำชาคาโมมายล์ยังมีส่วนช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอีกด้วย
12. มันเทศ
มันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินบี3 วิตามินบี2 และวิตามินบี1 กรดแพนโทเทนิก (วิตามินบี5) ไบโอติน ทองแดง โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ใยอาหาร และแคโรทีนอยด์ โดยเฉพาะแคโรทีนอยด์ที่มีอยู่ในมันเทศนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี และช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระได้ ในขณะที่มันเทศสีม่วงมีสารแอนโธไซยานินสูง ซึ่งเป็นเม็ดสีอีกชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบตามธรรมชาติ การบริโภคมันเทศจะช่วยปลอบประโลมผิวและกำจัดสารพิษ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาผิวที่แตกร้าวและมีอาการเจ็บปวดได้ด้วยค่ะ
13. น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าวถูกใช้ในการรักษาปัญหาผิวและเส้นผมมาเป็นเวลานาน น้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยวิตามินอี วิตามินเค ไขมันไม่อิ่มตัว และโปรตีน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบ ทำให้ผิวมีไขมันซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเซลล์ในปริมาณที่เพียงพอ ช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ผิวนุ่มและมีน้ำมีนวล
14. น้ำสะอาด
เมื่อพูดถึงการช่วยลดปัญหาผิวแห้ง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการดื่มน้ำค่ะ เพราะจะช่วยเติมน้ำให้กับเซลล์ผิวของเรา ช่วยรักษาสภาวะสมดุล ป้องกันการแก่ชรา และช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำและนำไปสู่ปัญหาผิวมากมาย รวมทั้งปัญหาผิวแห้งและแตก ลอกเป็นขุย ดังนั้นเราจึงควรพยายามดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 - 3 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้เซลล์ผิวของเรามีประสิทธิภาพและแข็งแรง
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 5 อาหารป้องกันผิวแห้ง ช่วยหยุดผิวแตก ผิวลอก
- 5 อาหารเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ช่วยบำรุงผิวแห้งให้แข็งแรงสู้ลมหนาว