รีเซต

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B ต่างกันอย่างไร? อาการไหนรุนแรงกว่ากัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B ต่างกันอย่างไร? อาการไหนรุนแรงกว่ากัน
aamyemily
16 ตุลาคม 2568 ( 09:00 )
17

    วันนี้เราขอสรุป ความแตกต่างระหว่าง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B แบบเข้าใจง่าย ทั้งในแง่ของแหล่งที่มาของเชื้อ อาการที่แตกต่าง และระดับความรุนแรง เมื่อพูดถึง "ไข้หวัดใหญ่" เรามักจะได้ยินชื่อเรียกสายพันธุ์หลักๆ คือ สายพันธุ์ A และ สายพันธุ์ B ถึงแม้อาการเริ่มต้นจะคล้ายกัน แต่การทำความเข้าใจความแตกต่างของสองสายพันธุ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือ การรักษา และการเลือกชนิดของวัคซีน

 

 

ตารางสรุปความแตกต่าง

อาการสายพันธุ์ Aสายพันธุ์ B
ความอ่อนเพลียมักมีอาการปวดเมื่อยตัวและอ่อนเพลียอย่าง รุนแรง ตั้งแต่เริ่มต้นอาการปวดเมื่อยและความอ่อนเพลียอาจมีความรุนแรงน้อยกว่าเล็กน้อย
อาการทางเดินอาหารพบได้ แต่ไม่บ่อยมักพบอาการทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย) ใน เด็กเล็ก ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ B
ความรุนแรงรุนแรงกว่า มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายสูงกว่า โดยเฉพาะสายพันธุ์ย่อยที่มีชื่อเสียง เช่น H1N1, H3N2รุนแรงปานกลาง มักมีอาการไม่รุนแรงเท่า A แต่ก็สามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงในกลุ่มเสี่ยงได้
แหล่งที่มาของเชื้อพบได้ใน มนุษย์และสัตว์ เช่น นก หมูพบได้ ในมนุษย์เท่านั้น
กลุ่มที่เสี่ยงทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางมักพบการระบาดใน เด็กเล็กและวัยเรียน

 

วิธีรับมือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กับ B 

    ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ A หรือ B การดูแลรักษาเบื้องต้นยังคงเหมือนกันค่ะ นั่นคือ การพักผ่อนให้มาก ดื่มน้ำให้เพียงพอ และใช้ยาลดไข้/บรรเทาอาการ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ

  1. ฉีดวัคซีน วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในปัจจุบันมักเป็นแบบ 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent) ซึ่งครอบคลุมทั้งสายพันธุ์ A (2 สายย่อย) และสายพันธุ์ B (2 สายตระกูล) วิธีนี้จะช่วยป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรงได้ดีค่ะ
  2. การรักษาด้วยยาต้านไวรัส หากอาการเข้าข่ายไข้หวัดใหญ่ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อพิจารณาการรับ ยาต้านไวรัส ภายใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี