10 สัญญาณเตือน เนื้องอก ซีสต์ ในมดลูก หลายคนเป็นแต่ไม่รู้ตัว รู้ก่อนสายเกินแก้!

ภัยเงียบยอดฮิตของสาววัยทำงานเป็นมากที่สุด แต่ไม่รู้ตัว นั่นก็คือ เนื้องอกในมดลูก และ ซีสต์ในรังไข่ ค่ะ ขอบอกว่า หากปล่อยทิ้งไว้จนอาการถึงขั้นร้ายแรง อาจเกิดมะเร็งแล้วต้องตัดมดลูกทิ้งหมดก็เป็นได้ แต่อย่าได้กังวลใจไปค่ะสาวๆ ถ้าเราทราบถึง 10 สัญญาณเตือน เนื้องอก ซีสต์ ในมดลูก ที่หลายคนเลือกจะมองข้ามกันเสียก่อน ใครลองเช็กแล้วมีอาการเข้าข่ายมากกว่าครึ่ง! แนะนำให้รีบพุ่งตัวไปสูตินรีเวชโดยด่วนเลยค่ะ อย่างไรแล้วสำหรับสาวๆ ทุกคน เราขอแนะนำให้ตรวจภายในหรืออัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่ประจำปีค่ะ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเหล่านี้ หากพบความผิดปกติ จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เนื้องอกในมดลูก เกิดจากอะไร
เนื้องอกในมดลูก หรือ เนื้องอกมดลูก เกิดจากอะไรนั้นยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดค่ะ แต่ในวงการแพทย์สันนิษฐานกันว่า เกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อมดลูกมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นก้อนเนื้องอกออกมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดได้แก่ ฮอร์โมน พันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต ฯลฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นบริเวณในมดลูก โพรงมดลูก หรือผนังมดลูกก็ได้ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เนื้องอกธรรมดา และเนื้องอกมะเร็งหรือเนื้อร้ายค่ะ
ซีสต์ในรังไข่ คืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง
ซีสต์รังไข่ ถือเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นถุงที่มีของเหลวอยู่ภายใน จึงได้ชื่อว่า ถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง เซลล์ภายในรังไข่แบ่งตัวมากเกินไป การตกไข่ผิดปกติหรือไข่ไม่ตกเรื้อรัง เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สำหรับซีสต์รังไข่มีทั้งชนิดที่สามารถหายได้เอง และไม่สามารถหายได้เอง ทั้งยังขยายขนาดและพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้อีกด้วย มาถึงตรงนี้เราก็ตามมาเช็ก สัญญาณอันตราย เนื้องอกมดลูก ซีสต์รังไข่กันดีกว่าค่ะ ว่ามีอาการอะไรบ้าง สาวๆ กำลังเผชิญอยู่หรือเปล่า?
10 สัญญาณเตือน เนื้องอกในมดลูก ซีสต์รังไข่
1. ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อย
สัญญาณเบสิกที่หลายคนต้องเผชิญเมื่อเป็นเนื้องอกในมดลูก หรือซีสต์ในรังไข่ คือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งซีสต์ที่โตหรือบวมขึ้นทำให้เกิดแรงกดกับอวัยวะข้างเคียง ส่งผลให้รู้สึกปวดคับแน่นท้อง การย่อยอาหารผิดปกติ ใส่เสื้อผ้าพอดีตัวแล้วลำบาก รู้สึกอึดอัด
2. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
แน่นอนว่าเนื้องอกในมดลูก หรือซีสต์ในรังไข่ มักสัมพันธ์กับรอบเดือนค่ะ เช่น ประจำเดือนคลาดเคลื่อน ประจำเดือนมามากผิดปกติ บางรายก็มาแบบกะปริบกะปรอย หรือไม่มาติดต่อกันหลายเดือน
3. ประจำเดือนเป็นลิ่มขนาดใหญ่
สาวคนไหนพอถึงช่วงรอบเดือนแล้ว ประจำเดือนมาเป็นลิ่มมากจนผิดสังเกต หรือมีขนาดใหญ่เกิน 2 ซม. แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยค่ะ เพราะประจำเดือนเป็นลิ่มเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งระดับฮอร์โมนไม่สมดุล มีซีสต์หรือเนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
4. รู้สึกเจ็บ แน่นท้องขณะมีเพศสัมพันธ์
บางรายที่เป็นเนื้องอก ซีสต์ในมดลูกหรือรังไข่ จะรู้สึกเจ็บหน่วง แน่นท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ค่ะ นั่นเพราะมีแรงกดบริเวณอุ้งเชิงกราน ใครเจอปัญหานี้อยู่อย่าละเลยเด็ดขาดเลยค่ะ
5. ปวดท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกราน
อีกหนึ่งสัญญาณที่พบบ่อยในผู้ป่วยหลายราย คือ อาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานแบบหน่วงๆ หนักๆ หรือจี๊ดๆ เป็นประจำ ซึ่งกรณีที่ซีสต์แตกจะทำให้ปวดรุนแรงขึ้น และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
6. ปวดหลังล่าง
หลายคนเมื่อมีซีสต์หรือเนื้องอกในมดลูกแล้ว อาการที่บ่งบอกว่า ซีสต์หรือเนื้องอกขยายขนาดขึ้น คือ รู้สึกปวดหลังส่วนล่าง เพราะเจ้าซีสต์ เนื้องอกตัวปัญหาทำให้เกิดแรงกดเบียดขึ้นนั่นเอง
7. ท้องโตขึ้น
สาวไหนรู้สึกว่า ตัวเองอ้วนลงพุง หน้าท้องโตขึ้นผิดปกติ โดยท้องส่วนล่างเริ่มโตก่อน นั่นอาจจะไม่ใช่ไขมันก็ได้ค่ะ ยิ่งเมื่อคลำไปก็รู้สึกถึงก้อนที่ท้องน้อยด้วยแล้ว เป็นไปได้ว่า เจ้าซีสต์หรือเนื้องอกโตขึ้น
8. ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก
เมื่อเนื้องอกหรือซีสต์โตขึ้น มีโอกาสที่จะไปเบียดโดนลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ท้องผูก ถ่ายไม่ออก
9. คัดตึงเต้านม เจ็บเต้านม
เมื่อมีซีสต์หรือเนื้องอกในมดลูก ช่วงนี้แน่นอนว่า ระดับฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้สาวๆ บางรายที่ประสบปัญหานี้มีอาการคัดตึงเต้านม เจ็บเต้านมร่วมด้วย
10. คลื่นไส้ อาเจียน
สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ซีสต์หรือเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจทำให้มีอาการท้องอืด ปวดท้องน้อย ร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียนได้ค่ะ และจะมีอาการรุนแรงขึ้นเมื่อซีสต์แตก
บทความที่คุณอาจสนใจ