ระบบเผาผลาญพัง รู้ได้ยังไง !! 5 วิธีเช็คระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
หลายๆ คนที่กำลังลดน้ำหนักหรือคนที่กำลังดูแลสุขภาพ คงคุ้นเคยกับคำว่า ระบบเผาผลาญ กันเป็นอย่างดีแน่ ๆ ค่ะ เพราะระบบเผาผลาญเปรียบเสมือนเตาเผาไขมันให้กับร่างกาย และเป็นระบบที่สำคัญมากๆ ในการเติมพลังงานให้กับร่างกายค่ะ
ยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักด้วยแล้ว การที่เรามีระบบเผาผลาญที่ดี ก็จะช่วยทำให้เราสามารถลดความอ้วนได้สำเร็จ แต่หากใครที่มีระบบเผาผลาญไม่ดี เราจะมีวิธีสังเกตอย่างไรและมีวิธีไหนที่จะกระตุ้นระบบเผาผลาญได้บ้าง ซึ่งวันนี้เรามี 5 วิธีสังเกตระบบเผาผลาญในร่างกาย ว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่หรือเริ่มจะมีปัญหาแล้วมาฝากกัน สาว ๆ ที่กำลังกลุ้มใจว่าทำไมลดน้ำหนักมาตั้งนานแล้วแต่ไขมันและสัดส่วนไม่ลดลงเลย ทั้ง 5 วิธีนี้อาจจะเป็นคำตอบให้ก็ได้ค่ะ
5 วิธีเช็คระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
1. มีการสะสมไขมันมากขึ้น
หากระบบเผาผลาญของเราเริ่มไม่ดีแล้ว ร่างกายก็จะเริ่มเกิดการสะสมไขมันมากขึ้นโดยเฉพาะไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายใน หรือสังเกตง่าย ๆ ก็คือไขมันที่สะสมอยู่บริเวณในช่องท้องและรอบเอวค่ะ หากรอบเอวของเราเริ่มขยายใหญ่ขึ้น โดยในผู้หญิงมีรอบเอวมากกว่า 32 นิ้ว และผู้ชายมีรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ อาจจะถือได้ว่าระบบเผาผลาญในร่างกายของเราเริ่มแย่ลงแล้ว
2. มีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
เพราะในเลือดของเรามีทั้งน้ำตาลและไขมันผสมอยู่ ซึ่งหากร่างกายของเราปกติ เราก็สามารถใช้พลังงานได้ทั้งจากน้ำตาลและไขมันค่ะ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ระบบเผาผลาญเริ่มไม่ดี มันก็จะเริ่มเผาผลาญไขมันได้น้อยลงและทำให้ไขมันที่อยู่ในเลือดของเราเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งไขมันที่อยู่ในเลือดของเราคือไขมันที่มีชื่อว่าไตรกลีเซอไรด์ค่ะ โดยเราจำเป็นจะต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่าไขมันชนิดนี้ หากมีค่าไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 ก็มีโอกาสที่ระบบเผาผลาญของเราเริ่มจะแย่ลง
3. มีค่าไขมันดี (HDL) น้อย
หากเราไปเจาะเลือดมาแล้ว นอกจากค่าไตรกลีเซอไรด์ที่ควรจะต้องดู อีกค่าหนึ่งที่ควรสังเกตเหมือนกันก็คือค่าของ HDL ค่ะ หากค่า HDL ของผู้ชายน้อยกว่า 40 และผู้หญิงน้อยกว่า 50 อาจจะหมายความว่าร่างกายของเราเริ่มมีระบบเผาผลาญที่ไม่ค่อยดีแล้ว เพราะในกลุ่มคนที่มีระบบเผาผลาญดีมักจะมีค่าไตรกลีเซอไรด์ต่ำและค่า HDL สูงค่ะ
4. มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ปกติแล้ว ร่างกายของเรามีจะการเผาผลาญพลังงานอยู่ 2 แบบค่ะ ก็คือเผาผลาญพลังงานโดยใช้น้ำตาลและเผาผลาญพลังงานโดยใช้ไขมัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเรามีน้ำตาลมาก ร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลเป็นหลักและเมื่อใช้ไม่หมดยังมีน้ำตาลเหลืออยู่ ร่างกายก็จะเก็บน้ำตาลเหล่านี้ในรูปแบบของไขมัน ดังนั้นเวลาที่เราไปเจาะเลือด ก็ให้สังเกตค่าน้ำตาลด้วยว่าเกิน 100 หรือไม่ และมีค่าน้ำตาลสะสมเกิน 5.7 หรือไม่ หากเกินก็หมายความว่าร่างกายของเราจะเผาผลาญไขมันน้อยลงค่ะ
5. มีความดันโลหิตมากกว่า 130/85
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีน่้ำตาลในเลือดสูง มีไตรกลีเซอร์ไรด์สูง แบบนี้คือการที่ร่างกายแสดงให้รับรู้แล้วว่าระบบเผาผลาญของเราเริ่มแย่ลง และเมื่อระบบเผาผลาญไขมันเริ่มแย่ลงก็มักจะมีโรคต่าง ๆ ตามมา ซึ่งหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยก็คือโรคความดันนั่นเองค่ะ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มมีความดันมากกว่า 130/85 ก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าร่างกายของเราเริ่มมีระบบเผาผลาญที่ผิดปกติแล้วนั่นเอง
วิธีสำหรับคนที่มีระบบเผาผลาญที่ไม่ดี เราจำเป็นที่จะต้องลดระดับน้ำตาลในเลือดลงให้ได้ เพื่อให้ร่างกายได้เปลี่ยนระบบเผาผลาญไปใช้พลังงานจากไขมันแทน ซึ่งวิธีที่จะลดน้ำตาลในเลือดได้นั่นก็คือ ลดเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เปลี่ยนไปดื่มน้ำเปล่า น้ำชาที่ไม่มีน้ำตาลหรือกาแฟดำ รวมถึงลดอาหารต่าง ๆ ที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ง่าย เช่น แป้งขัดขาวทั้งหลาย ข้าวขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ผักประเภทหัวจำพวกเผือก มัน ฟักทอง ข้าวโพด รวมถึงผลไม้ต่าง ๆ ก็ต้องลดปริมาณลง เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 3 เทคนิคแก้ระบบเผาผลาญพัง..โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect) แล้ว ทำอย่างไร?
- ระบบเผาผลาญไม่ดี ต้องมีตัวช่วย 5 อาหารที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกาย