3 ขั้นตอนทายารักษาสิว ทาอย่างไรให้รอยดำรอยแดงหายเร็ว

สิวหายไปแล้วแต่กลับทิ้งรอยดำรอยแดงไว้เต็มหน้า...สำหรับสาวๆ ที่กำลังกลุ้มใจเรื่องรอยแผลจากสิว ยังไม่รู้ว่าหลังจากสิวหายแล้วจะต้องทำอย่างไรกับรอยแผลเหล่านี้ดี การเริ่มใช้เจลหรือ ยาลดรอยสิว ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเร่งให้รอยดำรอยแดงจากสิวหายไปได้เร็วค่ะ
แต่ว่ายาแต่ละตัวนั้นก็มีขั้นตอนในการใช้ต่างกัน สำหรับสาวๆ ที่กำลังจะเริ่มใช้ ยารักษาสิว เพื่อหวังจะลดรอยดำรอยแดง แต่ว่ายังไม่รู้ว่ามีขั้นตอนในการทาอย่างไร ควรทาตัวไหนก่อน-หลัง หรือแม้แต่จะเลือกซื้อยาเหล่านี้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ
1. เลือกแบบที่มีตัวยา Azelaic acid
ตัวยานี้ช่วยทั้งรักษาสิวและรักษารอยดำรอยแดงได้ กลไกของ Azelaic acid จะเข้าไปยับยั้งเชื้อ P.acne ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ Azelaic acid ยังเข้าไปช่วยรักษาการอักเสบ และเข้าไปช่วยรักษาเม็ดสีผิวที่ถูกสร้างขึ้นมากกว่าปกติในช่วงที่เราเป็นสิว ผลที่ตามมาหลังจากที่สิวของเราหายแล้วแต่เม็ดสีเหล่านี้ยังคงอยู่จึงทำให้เกิดรอยดำรอยแดงค่ะ ตัวยา Azelaic acid จะเข้าไปยับยั้งวงจรเหล่านี้ ข้อควรระวังของการทายาตัวนี้คือ ห้ามทาบริเวณที่เป็นแผลเนื่องจากทำให้ระคายเคืองและมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มมากกว่าเดิมได้ ควรรอให้แผลแห้งและตกสะเก็ดก่อนแล้วค่อยทาจะดีกว่าค่ะ
2. ทาเจลลดรอยสิว
หลังจากทายาตัวแรกเสร็จแล้ว ให้เว้นประมาณ 10 นาทีแล้วจึงทาเจลลดรอยสิวค่ะ เจลลดรอยสิวจะเข้าไปช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งสามารถเข้าไปช่วยไม่ให้เกิดหลุมสิวได้ค่ะ
3. บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์
หลังจากที่เราทา ยารักษาสิว เสร็จแล้ว สาวๆ ส่วนมากจะเกิดอาการผิวแห้งค่ะ ลองเลือกทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ Ceramide (เซราไมด์) ค่ะ เนื่องจาก Ceramide จะช่วยเสริมชั้นผิวให้แข็งแรงและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยให้แผลเป็นที่แข็งนุ่มลงได้ ผลัดเซลล์ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติและช่วยให้รอยดำรอยแดงลดลงไปได้เร็วค่ะ นอกจากการทายาทั้ง 3 ขั้นตอนนี้แล้ว การทากันแดดก่อนออกไปข้างนอกบ้านก็ถือเป็นการช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกันค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
5 เจลว่านหางจระเข้ สำหรับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ช่วยลดสิวอักเสบ รอยแดงรอยสิว
7 ไอเท็ม รักษาสิว สิวอักเสบ ทั้งถูกและดี ลดสิว ผิวหน้าดีขึ้น แบบไม่ต้องจ่ายแพง!