แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่นไหนดี รวมรีวิว 6 รุ่น ดูแลช่องปากแบบมืออาชีพ

แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B มีหลายรุ่นมากจนหลายคนอาจจะงงว่าจริง ๆ แล้วจะเลือกใช้ แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่นไหนดี หรือรุ่นไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด วันนี้เรารวบรวมรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น มาให้ถึง 6 แบบ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า จะเลือกรุ่นไหนไปใช้ดี ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์การดูแลช่องปากของคุณมากที่สุด
ทำไมต้องเลือกใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B จะช่วยให้การแปรงฟันของเราง่ายขึ้น และสะอาดกว่าการใช้แปรงสีฟันธรรมดา เพราะแค่เลื่อนหัวแปรงไปตามซี่ฟัน หัวแปรงจะเคลื่อนไหวเองอัตโนมัติ ช่วยขจัดคราบพลัค และจุลินทรีย์ได้อย่างทั่วถึง และล้ำลึกแม้ในซอกเล็ก ๆ
อีกทั้ง ยังมีฟีเจอร์เสริมอย่างนาฬิกาจับเวลา 2 นาทีที่จะเตือนให้เราแปรงฟันครบตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ นอกจากนี้ แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น ยังมีโหมดการแปรงหลากหลายให้เลือกตามความต้องการของแต่ละคน ทำให้ดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยมากกว่าการใช้แปรงสีฟันทั่วไป
ข้อดีของการใช้แปรงสีฟันฟ้า Oral-B
- ใช้งานง่าย แค่เลื่อนหัวแปรงไปตามซี่ฟัน หัวแปรงจะเคลื่อนไหวโดยการหมุน สั่น หรือพัลส์ ทำความสะอาดผิวฟันเอง ไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถทำความสะอาดซี่ฟันและร่องฟันได้ดี
- ด้วยหัวแปรงทรงกลม ของ Oral-B ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องมือทันตแพทย์ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการทำงานของแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B จึงสามารถขจัดคราบพลัค และจุลินทรีย์ได้ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดาถึง 2 เท่า
- แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย เทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น ระบบจับเวลา 2 นาที และระบบแจ้งเตือนเซนเซอร์วัดแรงกด ป้องกันการกดแปรงแรงเกินไป
- ดูแลสุขภาพเหงือกให้แข็งแรง ช่วยลดโอกาสการอักเสบของเหงือกจากการแปรงฟันแรงเกินไป
- มีโหมดการใช้งานหลากหลาย สามารถเลือกโหมดได้ตามความต้องการ เช่น Daily Clean, Whitening, Gum Care, Sensitive เป็นต้น
- เหมาะกับผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือคนที่จัดฟันก็สามารถใช้ได้ดี ที่สำคัญคือใช้งานง่าย สนุก มีฟีเจอร์เสริมช่วยให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แถมยังเพลิดเพลิน
วิธีเลือกรุ่นแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่นให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง
ใครที่กำลังลังเลใจว่า ควรเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่นไหนดี ลองพิจารณาไปพร้อมกันตามหัวข้อด้านล่างนี้
- พิจารณาปัญหาสุขภาพช่องปาก: เช่น ถ้ามีปัญหาเหงือกอักเสบหรือฟันไวต่อความรู้สึก ควรเลือกรุ่นที่มีโหมด Gum Care หรือ Sensitive ถ้าต้องการขัดฟันขาว แนะนำรุ่นที่มีโหมด Whitening
- เลือกตามงบประมาณ: Oral-B มีแปรงสีฟันไฟฟ้าหลายรุ่นตั้งแต่ราคาประหยัดถึงรุ่นพรีเมียม สามารถเลือกได้ตามกำลังทรัพย์
- พิจารณาฟีเจอร์เสริม และความสะดวก: แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น มีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน สามารถเลือกซื้อตามความต้องการใช้งาน
6 แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่นไหนดี รีวิวแต่ละรุ่น พร้อมเทคนิคเลือกให้เหมาะกับคุณ
เรารวบรวมแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B และรีวิวทั้ง 6 รุ่นมาไว้ให้แล้วด้านล่างนี้
Oral-B iO Series 3
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B iO Series 3 เป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพช่องปากที่มาพร้อมเทคโนโลยี Magnetic Drive ขับเคลื่อนหัวแปรงด้วยแม่เหล็ก ผสานกับการสั่นและหมุนด้วยความถี่ต่ำลึกระดับไมโคร (Micro Vibrations) ช่วยทำความสะอาดฟันอย่างนุ่มนวล และด้วยหัวแปรงทรงกลมสามารถเข้ากับรูปฟันแต่ละซี่ได้อย่างดี แถมยังมีเซนเซอร์วัดแรงกดอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนด้วยสีไฟเมื่อเราแปรงแรงหรือเบาเกินไป จึงช่วยทำความสะอาดฟันได้ลึกถึงซอกเล็ก ๆ ตามร่องฟัน โดยไม่ทำร้ายเหงือก ตอบโจทย์คนที่มีปัญหาเรื่องคราบพลัคสะสม รวมถึงคนที่อยากให้ฟันขาวขึ้นแบบอ่อนโยน
ซึ่งแปรงสีฟันไฟฟ้าจาก Oral-B รุ่นนี้ มีโหมดการใช้งานให้เลือกถึง 3 โหมด สามารถปรับได้ตามความต้องการเลย ไม่ว่าจะเป็น
- โหมด Daily Clean สำหรับทำความสะอาดฟันทุกวัน
- โหมด Sensitive สำหรับเหงือก และฟันที่บอบบาง
- โหมด Whitening ที่ช่วยขัดคราบให้ฟันขาวขึ้น
อีกทั้ง ตัวเครื่องเป็นสี Ice Blue ดูเรียบหรู ทันสมัย มีวงแหวนไฟรอบด้ามแปรงที่แสดงไฟเตือน เมื่อแปรงฟันครบ 2 นาทีตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ใช้แล้วรู้สึกช่องปากสะอาดหมดจด
ราคา: ประมาณ 3,299 - 3,999 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee, Lazada, Tiktok
Oral-B iO Series 7
ใครที่ลังเล แปรงสีฟัน Oral-B รุ่นไหนดี? ต้องลอง Oral-B iO Series 7 เพราะเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย แต่เทคโนโลยีล้ำหน้า ด้วยเทคโนโลยี Magnetic Drive ที่ขับเคลื่อนหัวแปรงด้วยแม่เหล็ก เช่นเดียวกับ Oral-B iO3 ผสานเทคโนโลยี Micro Vibrations ช่วยให้หัวแปรงสั่นและหมุนด้วยความถี่ต่ำ ที่นุ่มนวลต่อเหงือกและฟัน แต่ยังทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก มีจอแสดงผล Interactive ที่ช่วยบอกสถานะการใช้งาน โหมดการแปรงฟัน แถมยังมีระบบ AI ที่จะวิเคราะห์การแปรงฟันแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่น ช่วยให้เราเห็นว่า ตรงไหนแปรงฟันยังไม่ทั่วถึงหรือแปรงแรงเกินไป มั่นใจได้เลยว่า เราก็ดูแลสุขภาพช่องปากได้แบบมืออาชีพ
โดยหัวแปรงของรุ่นนี้เป็นทรงกลมแบบ Ultimate Clean ที่มีดีไซน์ Tuft-In-Tuft หรือลักษณะขนแปรงตรงกลางจะยาวกว่า และหนาแน่นกว่า ช่วยซอกซอนตามร่องฟันได้ดี ส่วนขนแปรงด้านข้างก็ช่วยซอกซอนถึงซอกฟัน และขอบเหงือก สามารถขจัดคราบพลัค และเศษอาหารได้ดีกว่าแปรงสีฟันทั่วไปถึง 2 เท่า นอกจากนี้ ยังมีโหมดการใช้งานมากถึง 5 โหมด ให้เลือกใช้ตามสภาพช่องปากของตัวเอง
- โหมด Daily Clean (ทำความสะอาดประจำวัน)
- โหมด Whitening (ขัดฟันขาว)
- โหมด Gum Care (ถนอมเหงือก)
- โหมด Sensitive (อ่อนโยน)
- โหมด Intense (ทำความสะอาดแบบล้ำลึก)
ราคา: ประมาณ 7,999 – 9,999 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee, Lazada, Tiktok
Oral-B Pro 2 2000
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Pro2 2000 เป็นรุ่นที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น โดยยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟันได้อย่างดี อย่างไรก็ตามเสียงการทำงานของแปรงรุ่นนี้จะมีเสียงดังกว่า iO Series
การทำงานของแปรงสีฟันไฟฟ้า Pro 2 2000 จะทำความสะอาดแบบ 3D (หมุน สั่น พัลส์) มาพร้อมหัวแปรงแบบ Extra Sensitive Clean ขนแปรงเรียว 0.01 มม. อ่อนโยนต่อเหงือก พร้อมกับฟีเจอร์ระบบวัดแรงกดแปรงอัจฉริยะ (Pressure Sensor) ที่ช่วยเตือนเมื่อแปรงแรงเกินไป มี 2 โหมดการแปรงคือ โหมดสำหรับทำความสะอาดทั่วไป (Daily Clean) และ โหมดทำความสะอาดแบบอ่อนโยน (Sensitive) สามารถเลือกโหมดได้ตามสภาพเหงือก และฟันของตัวเองได้เลย มีระบบจับเวลา 2 นาที และสั่นเตือนทุก 30 วินาที ดีไซน์ก็สวยงาม พกพาสะดวก และที่สำคัญด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B หัวกลม สามารถช่วยขจัดคราบพลัคได้ดีกว่าแปรงธรรมดาถึง 2 เท่า เป็นรุ่นที่คุ้มค่าแก่การลงทุนอีกรุ่นเลยทีเดียว
ราคา: 2,690 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee
Oral-B Pro 500
ต่อมารุ่น Oral-B Pro 500 มาพร้อมหัวแปรงทรงกลมทำงาน 3 ทิศทาง (3D Action) หมุน สั่น และ พัลส์ พร้อมขนแปรงไขว้ทำมุม 16 องศากับแนวฟันช่วยขจัดคราบพลัคได้ดีกว่าการใช้แปรงธรรมดาถึง 2 เท่า มีระบบจับเวลา 2 นาที พร้อมแจ้งเตือนทุก 30 วินาทีให้เปลี่ยนตำแหน่งการแปรงฟัน ใช้งานง่าย เหมาะกับใครที่อยากเปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า และต้องการแปรงฟันสะอาดทั่วถึงในทุก ๆ วัน
ราคา: 1,890 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee
Oral-B Pro 100
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่น Pro 100 เป็นรุ่นที่มาพร้อมขนแปรง Deep Clean ขนแปรงทำมุมเอียง 16 องศา ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดฟันแต่ละซี่อย่างทั่วถึง ช่วยขจัดคราบพลัคได้มากกว่าแปรงสีฟันธรรมดา โดยรุ่นนี้มีโหมดการใช้งาน 1 โหมด คือ Daily Clean และหัวแปรงทำงานแบบ 2D (หมุน และสั่น) พร้อมสั่นเตือน 1 ครั้งเมื่อแปรงฟันครบ 2 นาทีตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เหมาะสำหรับใครที่อยากเริ่มใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าในราคาคุ้มค่า เข้าถึงง่าย อีกทั้ง Oral-B Pro100 รุ่นนี้ ยังมีแบตเตอรีที่ใช้งานได้ยาวนาน
ราคา: 1,790 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee
Oral-B Vitality Extra Sensitive Clean
สุดท้ายแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Vitality โดยรุ่นนี้เหมาะกับคนที่ต้องการความอ่อนโยนต่อเหงือก และฟัน เพราะมาพร้อมกับหัวแปรง Extra Sensitive ที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มสุด ๆ เรียว 0.01 มม. ช่วยทำความสะอาดได้ดี เข้าซอกซอนลึกทุกซอกฟัน แต่ไม่ระคายเหงือกแม้แต่น้อย มี 1 โหมดการแปรง คือ Daily Clean พร้อมระบบจับเวลา โดยจะสั่นเตือน 1 ครั้งเมื่อแปรงครบ 2 นาทีตามเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการการดูแลช่องปากอย่างอ่อนโยน ใช้ก็งานง่าย ราคาเข้าถึงได้
ราคา: 1,590 บาท (ขึ้นอยู่กับช่องทางจำหน่ายและโปรโมชั่น)
ช่องทางการสั่งซื้อ: Shopee
ตารางเปรียบเทียบแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น
มาดูตารางเปรียบเทียบแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่นด้านล่างนี้
หมายเหตุ:
- ราคาขึ้นอยู่กับช่องทางและโปรโมชั่น
- แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B ทั้ง 6 รุ่นมีระบบจับเวลา 2 นาที (ตามคำแนะนำทันตแพทย์)
เคล็ดลับการใช้งานและดูแลรักษาแปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B
- ถอดหัวแปรงออกจากตัวด้าม ล้างหัวแปรงด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อขจัดยาสีฟัน และเศษอาหารที่ค้างอยู่ และตากให้แห้งก่อนนำกลับไปใส่กับตัวด้าม เพื่อใช้งานในครั้งต่อไป
- อย่ากดแปรงแรงเกินไป ปล่อยให้หัวแปรงทำงานเอง ไม่ต้องออกแรงกด เพราะการกดแรงจะทำให้ขนแปรงเสื่อมเร็ว และทำความสะอาดได้น้อยลง
- เปลี่ยนหัวแปรงทุก 3 เดือนหรือเร็วกว่านั้นหากขนแปรงหลุดลุ่ยหรือบาน
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนใช้งานครั้งแรก และควรชาร์จใหม่เมื่อแบตหมด อย่าชาร์จระหว่างใช้งานบ่อย ๆ จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่
- ไม่ควรแช่แปรงสีฟันหรือด้ามจับในน้ำ เพราะอาจทำให้ส่วนประกอบภายในเสียหายได้
- หมั่นเช็กหัวแปรง และด้ามจับเป็นประจำ หากพบความเสียหายหรือหลวม ควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันที เพื่อที่จะสามารถใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่นได้ไปนาน ๆ
แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B แต่ละรุ่น ที่นำมาฝากในวันนี้ ล้วนใช้ดี และช่วยให้ฟันสะอาดล้ำลึกกว่าการใช้แปรงธรรมดา อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพเหงือกได้อย่างอ่อนโยน เหมาะกับทุกคน ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือจะคนที่จัดฟันก็ใช้ได้สบาย ๆ ใครอยากดูแลสุขภาพช่องปากอย่างมืออาชีพ แนะนำให้ลองซื้อมาใช้ดูเลย
บทความที่คุณอาจสนใจ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้![]()
สิทธิประโยชน์แนะนำ
