รีเซต

5 วิธีป้องกันแผลเป็น ดูแลแผลอย่างไรให้หายเร็ว แผลแห้งไว ไม่เป็นคีลอยด์

5 วิธีป้องกันแผลเป็น ดูแลแผลอย่างไรให้หายเร็ว แผลแห้งไว ไม่เป็นคีลอยด์
BeauMonde
13 สิงหาคม 2566 ( 17:21 )
292

     แผลเป็น เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาผิวหนังตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อผิวหนังได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือจากการบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่ทำจากคอลลาเจนเพื่อปิดช่องว่างเหล่านั้น แผลเป็นมักเกิดขึ้นหลังกระบวนการสมานแผล เนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มบาดแผลนั้นไม่แนบเนียนเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวหนังโดยรอบ

     รอยแผลเป็นจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน ประเภทของแผลเป็นและรูปลักษณ์ของแผลเป็นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากวิธีการดูแลแผลขณะที่แผลกำลังใกล้หาย และนอกจากนี้ความรุนแรงของบาดแผลก็ยังสามารถกำหนดระดับของการเกิดแผลเป็นได้อีกด้วย ยิ่งบาดแผลลึกมากเท่าไร โอกาสในการเกิดแผลเป็นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยแผลเป็นที่หลงเหลืออาจจะแบนหรือนูนขึ้นก็ได้ รวมถึงสีก็อาจต่างจากสีผิวโดยรอบด้วยเช่นกัน

     แผลเป็นอาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจ ดังนั้นสำหรับใครก็ตามที่ต้องการป้องกันหรือลดรอยแผลเป็นในขณะที่เรายังรักษาแผลอยู่ก็ควรทำตามวิธีที่ American Academy of Dermatology (AAD) ได้แนะนำไว้ ดังนี้

 

 

5 วิธีป้องกันแผลเป็น

 

1. รักษาความสะอาดของแผล

     ผิวที่เกิดบาดแผลเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ตามรายงานของ National Library of Medicine ได้แนะนำให้รักษาความสะอาดของแผลอย่างเคร่งครัดตลอดช่วงเวลาตั้งแต่เกิดแผลไปจนถึงแผลหาย ทันทีหลังจากเกิดบาดแผล เราควรรักษาความสะอาดด้วยการล้างน้ำสบู่อ่อนๆ และนอกจากนี้เรายังควรล้างมือและเช็ดมือให้แห้งก่อนสัมผัสบาดแผล

 

2. ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น

     หลังจากทำความสะอาดแผลแล้ว ให้รักษาความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น โดยทั่วไปการรักษาบาดแผลให้ชุ่มชื้นจะส่งผลให้การก่อตัวของแผลเป็นลดลง จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน International Journal of Inflammation พบว่าเมื่อเทียบการรักษาระหว่างผิวที่มีความชุ่มชื้นกับผิวที่แห้ง การรักษาแผลกับผิวที่ชุ่มชื้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาได้เร็วและเกิดแผลเป็นน้อยที่สุด

 

3. อย่าแกะหรือแคะแผล

     โดยทั่วไป แพทย์มักจะแนะนำให้เราไม่นำมือไปสัมผัสแผล เพื่อลดการระคายเคือง ลดการติดเชื้อและลดความเสี่ยงในการที่จะแกะ เกา หรือแคะแผล ห้ามแกะแผลไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยสิวหรือแผลสด และควรลดการสัมผัส เพราะอาจทำให้สิวและรอยแผลเป็นแย่ลงไปกว่าเดิม

     การแตะต้องบาดบาดแผลในระหว่างกระบวนการรักษาจะนำไปสู่การอักเสบและความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อจากแบคทีเรียในมือของเราได้อีกด้วย และที่สำคัญคือทำให้แผลหายช้ามากกว่าเดิม

 

4. ใช้ผ้าปิดแผล

     ผ้าพันแผลหรือแผ่นปิดแผลช่วยลดการที่มือเราจะไปสัมผัสกับแผลโดยตรง ช่วยปกป้องบาดแผล รักษาความชุ่มชื้น และป้องกันไม่ให้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ผ้าปิดแผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าก็อซ พลาสเตอร์ยา ก็ล้วนช่วยให้แผลสะอาด และหากให้ดีเราก็ควรเปลี่ยนผ้าปิดแผลบ่อย ๆ 

 

5. ป้องกันแสงแดด

     ตามหลักการแล้วทุกคนควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันมะเร็งผิวหนังและความเสียหายจากแสงแดด แต่ถ้าหากเราเพิ่งจะมีบาดแผลและต้องการลดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น เรายิ่งควรต้องปกป้องผิวจากแสงแดดให้จริงจังมากกว่าเดิม

     เพราะการปกป้องแผลจากแสงแดดจะช่วยให้แผลเป็นจางลงได้เร็วขึ้น เพราะรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จะเร่งกระบวนการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป ซึ่งแผลเป็นก็มีเม็ดสีที่เรียกว่าเมลานินเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างน้อยในทุกๆ วัน และนอกจากนี้เรายังสามารถใช้วิธีอื่นๆ ในการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นอันตราย ได้แก่ หาที่ร่ม สวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด และหลีกเลี่ยงการออกไปโดนแดดจัด

 

อ้างอิง

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง