รีเซต

8 วิธีลดอาการตาแห้ง ทำยังไงให้หายตาแห้ง แก้ตาแห้ง แสบตา

8 วิธีลดอาการตาแห้ง ทำยังไงให้หายตาแห้ง แก้ตาแห้ง แสบตา
pommypom
23 มิถุนายน 2566 ( 16:05 )
474
1

รู้ได้อย่างไรว่าตาแห้ง? หากเรามีอาการระคายเคืองตา คันตา แสบตา เหมือนมีฝุ่นอยู่ในตา รวมถึงบริเวณตาขาวของเรามีสีแดง มีขี้ตาเมือกๆ น้ำตาไหล รู้สึกตามัว ตาล้า ตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาง่ายเมื่อโดนลม ลืมตายากในตอนเช้า ไปจนถึงอาการปวดตาและปวดหัวตามมา อาการเหล่านี้อาจจะเป็นอาการของโรคตาแห้งได้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์ต่อไป เพราะหากโรคตาแห้งไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะรบกวนการใช้ชีวิตไปจนถึงอันตรายต่อดวงตาในอนาคตได้

รับส่วนลด/ทรูพอยท์ เมื่อใช้บริการ ศูนย์บริการสุขภาพรามาธิบดี ที่ โลตัส นอร์ธราชพฤกษ์

 

 

วิธีลดอาการตาแห้ง

 

1. หยอดน้ำตาเทียม

     การหยอดน้ำตาเทียมมีส่วนช่วยลดอาการตาแห้ง ช่วยให้ดวงตาของเราชุ่นชื้นได้ โดยแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสียจะดีกว่า โดยมักจะเป็นแบบที่ใช้รายวัน เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง แต่ถ้าหากน้ำตาเทียมที่ใช้ได้หลายวันหรือเป็นเดือน อาจจะมีสารกันเสียผสมอยู่ ซึ่งการหยอดน้ำตาเทียมที่มีสารกันเสียเป็นเวลนาน ก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นอันตรายต่อดวงตาของเราในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามก่อนใช้น้ำตาเทียมสำหรับรักษาโรคตาแห้ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าเราควรใช้น้ำตาเทียมแบบไหน ก็จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น

 

2. ประคบอุ่น

     น้ำตา ประกอบด้วยชั้นไขมัน ชั้นน้ำ และชั้นเมือก ซึ่งจะช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นและสุขภาพดี แต่ถ้าหากเรามีอาการเปลือกตาอักเสบก็อาจจะทำให้ไปอุดตันต่อมสร้างน้ำมันตามขอบเปลือกตาและส่งผลให้ตาแห้งได้ ดังนั้นเราต้องลดการอุดตันและการอักเสบของเปลือกตา โดยการประคบอุ่นจะมีส่วนช่วยละลายไขมันที่อุดตันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น การใช้มาส์กประคบอุ่นปิดตา หรือการใช้เครื่องประคบอุ่นดวงตาโดยเฉพาะ อีกทั้งการรีดไขมันอุดตันที่เปลือกตาก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน

 

3. ทำความสะอาดเปลือกตาและขนตา

     การทำความสะอาดเปลือกตาและขนตาจากไรฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ มีส่วนช่วยลดอาการเปลือกตาอักเสบได้ เพราะอย่างที่เราทราบกันแล้วว่าเปลือกตาอักเสบมีส่วนทำให้ตาแห้ง โดยแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาโดยเฉพาะที่มีความอ่อนโยนและมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบรวมถึงตาแห้งได้

 

4. กะพริบตาบ่อยๆ

     การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นเวลานานๆ อาจทำให้เราเผลอลืมกระพริบตาบ่อยๆ ได้ ซึ่งก็มีส่วนทำให้ตาแห้งตามมา เพราะการกะพริบจะช่วยให้ดวงตาของเราชุ่มชื้น แต่ถ้าหากเราไม่กะพริบตา ก็จะส่งผลให้ตาแห้งได้นั่นเอง ดังนั้นใครที่ต้องทำงานอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน แนะนำให้ลองใช้ทริค 20/20 หรือ หลับตาทุกๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที หรืออีกหนึ่งทริคคือ ตั้งหน้าจอให้ต่ำกว่าระดับสายตา เพราะเราไม่จำเป็นต้องลืมตากว้างขนาดนั้น ซึ่งก็อาจจะช่วยให้น้ำตาระเหยช้าลงระหว่างการกะพริบตาได้

 

5. ใส่แว่นปกป้องดวงตารอบด้าน

     ฝุ่นละออง รวมถึงลม ไม่ว่าจะเป็นจากภายนอก พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ ล้วนมีส่วนทำให้น้ำตาระเหยเร็วและตาแห้งได้ ดังนั้นการสวมใส่แว่นตาที่มีส่วนช่วยปกป้องดวงตาของเราแบบทุกรอบด้านจึงสามารถช่วยได้ โดยเราอาจจะซื้อฝาครอบแว่นตาที่ช่วยปกป้องด้านข้างมาใส่กับแว่นเดิมของเรา หรือซื้อแบบแว่นครอบตาที่สามารถใส่ทับแว่นเดิมของเราได้เลย หรือจะตัดแว่นใหม่แบบที่มีส่วนปกป้องด้านข้างดวงตา หรือแว่นสำหรับตาแห้งโดยเฉพาะก็ได้ อีกทั้งยังมีแว่นเติมน้ำที่สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับดวงตาของเราจำหน่ายด้วยเช่นกัน

 

6. ใช้เครื่องทำความชื้นและเครื่องฟอกอากาศ 

     การอยู่ในห้องแอร์ โดนลมนานๆ ก็มีส่วนทำให้ตาแห้งได้ ดังนั้นการใช้เครื่องทำความชื้น (Humidifier) จะช่วยเพิ่มความชื้นในห้องที่แห้งได้ ส่งผลให้ดวงตาของเราชุ่นชื้น ไม่แห้ง รวมถึงยังควรใช้เครื่องฟอกอากาศกรองฝุ่นละอองเพื่อความสะอาดของห้องด้วยเช่นกัน ก็จะช่วยลดอาการตาแห้งของเราได้

 

7. ดื่มน้ำให้มากๆ

     ร่างกายแทบจะทุกส่วนล้วนต้องการน้ำเพื่อสุขภาพที่ดี รวมถึงดวงตาของเราด้วย ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยมอบความชุ่มชื้นได้ โดยอย่าให้ร่างกายของเรากระหายแล้วจึงค่อยดื่มน้ำ แนะนำให้จิบบ่อยๆ ให้ได้ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน อีกทั้งเรายังสามารถกินอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำ อย่างเช่นแตงกวาและแตงโมก็ได้เช่นกัน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังขาดน้ำ แนะนำให้ลองเช็คสีของปัสสาวะ ต้องไม่เป็นสีเหลืองเข้ม ถ้าเป็นสีเหลืองอ่อนๆ หรือไม่มีสีเลย แปลว่าเราได้รับน้ำอย่างเพียงพอแล้ว

 

8. กินโอเมก้า 3

     ปลาแซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน ปลาเทราต์ ปลาแมคเคอเรล รวมถึงถั่ววอลนัต น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วเหลือง และเมล็ดแฟล็กซ์ ล้วนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งไขมันที่มีประโยชน์ตัวนี้สามารถช่วยให้ต่อมสร้างน้ำมันในดวงตาของเราทำงานได้ดีขึ้น และช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้ สำหรับอาหารเสริมโอเมก้า 3 แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานจะดีกว่า

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง