รีเซต

ขาบวม เท้าบวม เกิดจากอะไร ?!! รวม 7 โรคอันตรายที่ทำให้ขาบวม

ขาบวม เท้าบวม เกิดจากอะไร ?!! รวม 7 โรคอันตรายที่ทำให้ขาบวม
Beau_Monde
19 สิงหาคม 2564 ( 13:06 )
19.1K

     อาการขาบวมถือเป็นสัญญาณหนึ่งของหลายๆ โรคค่ะ โดยอาการขาบวม เท้าบวม สามารถเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าเป็นเรากำลังเป็นโรคต่างๆ ได้ ซึ่งหากใครที่ตอนนี้กำลังมีอาการดังที่กล่าวมาให้ระวังว่าอาจจะเป็น 7 โรคอันตราย ดังต่อไปนี้ 

 

 

7 โรคอันตรายที่ทำให้ขาบวม

 

1. เส้นเลือดดําที่ขาอุดตัน

     โดยปกติ หัวใจของเราจะบีบตัวเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปทางเส้นเลือดแดงเข้าไปยังอวัยวะต่างๆ อย่างเช่นแขนขา ซึ่งเมื่อไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ แล้ว เลือดก็จะไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจทางเส้นเลือดดำ หากเส้นเลือดดำที่ขาของเรามีการอุดตัน เลือดก็จะกลับเข้าสู่หัวใจไม่ได้และจะค้างอยู่บริเวณขา ทำให้ขาของเราบวมขึ้น โดยสาเหตุของการเกิดโรคนี้ก็ได้แก่ การมีลิ่มเลือดอุดตันหรือเกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมไปกดบริเวณเส้นเลือดไว้ทำให้เส้นเลือดมีอาการตีบตันได้ โรคนี้จำเป็นที่จะต้องรีบไปพบแพทย์เพราะสามารถเป็นต้นเหตุนำไปสู่อาการช็อกหัวใจวายได้เลยค่ะ

 

2. ต่อมน้ำเหลืองอุดตัน

     นอกจากที่ขาจะมีเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำแล้ว ยังมีต่อมน้ำเหลืองด้วยค่ะ ซึ่งถ้าเกิดอาการต่อมน้ำเหลืองอุดตันขึ้นมาก็จะทำให้เรามีอาการขาบวมเท้าบวมได้ โดยโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตันนี้ก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ โรคมะเร็งหรือว่าจากการฉายแสง ซึ่งอาการขาบวมเท้าบวมจากโรคนี้มักจะบวมข้างเดียว ถ้าเรามีอาการขาบวมข้างเดียวให้รีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

 

3. ขาอักเสบติดเชื้อ

     โรคนี้เกิดจากการที่ขาหรือว่าเท้าของเรามีการติดเชื้อ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเชื้อแบคทีเรียโดยอาจจะเกิดการติดเชื้อจากบาดแผล ซึ่งจะทำให้ขาของเราอักเสบและมีอาการบวม และนอกจากจะบวมแล้วก็จะมีอาการปวด แดง รู้สึกร้อนขึ้นมาได้ด้วยค่ะ อาการขาอักเสบติดเชื้อถือเป็นอีกอาการที่ต้องระวัง โดยเฉพาะในคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์ค่ะ เพราะการปล่อยให้อักเสบโดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อทางกระแสเลือดได้และทำให้เสียชีวิตได้เลยค่ะ

 

4. โรคหัวใจ

     หัวใจของเรามีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถ้าหัวใจของเราทำงานผิดปกติหรือว่าทำงานน้อยลงก็จะส่งผลทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง ซึ่งในกรณีแบบนี้อาจจะทำให้เลือดคั่งในปอด ส่งผลให้น้ำท่วมปอดหรือเกิดเป็นอาการขาบวมก็ได้หากมีเลือดคั่งที่บริเวณขา โดยจุดสังเกตของโรคนี้คือจะทำให้ขาบวมทั้ง 2 ข้าง ถ้าขาของเราบวมขึ้นมา ให้เราใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดลงไปที่หน้าแข้งของเรา ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที หากเห็นว่ามีรอยบุ๋มลงไป ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

 

5. โรคไต

     ไตมีหน้าที่ในการปรับสมดุลน้ำ สมดุลแร่ธาตุและเกลือในร่างกาย ถ้าไตมีการทำงานที่ผิดปกติไปก็จะทำให้การขับน้ำและขับเกลือออกจากร่างกายได้น้อยลง ทำให้ร่างกายของเราบวมขึ้นได้ค่ะ ซึ่งถ้าเกิดอาการบวมจากโรคไต ขาทั้ง 2 ข้างก็จะบวมได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก็สามารถใช้ 2 นิ้วกดได้แบบเดียวกับข้อ 4 แต่นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาการบวมบริเวณรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง อาการเหนื่อยหอบง่าย ดังนั้นถ้าใครที่มีอาการแบบนี้แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ค่ะ

 

6. โรคตับ

     ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ ก็สามารถทำให้ขาบวมได้เช่นกันค่ะ โดยหน้าที่ของตับคือการช่วยขับของเสีย รวมถึงขับพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ถ้าตับทำงานผิดปกติไปก็จะทำให้มีอาการขาบวมได้ รวมถึงมีอาการท้องโตได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เบื่ออาหารและน้ำหนักลดได้ด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่มีอาการขาบวมทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับมีอาการท้องโตและอาการต่างๆ ดังที่กล่าวมา แบบนี้ต้องระวังแล้วค่ะ เพราะอาจจะเป็นโรคตับหรือมะเร็งตับแล้วก็ได้

 

7. โรคไทรอยด์ต่ำ

     ต่อมไทรอยด์ที่อยู่บริเวณคอของเราจะทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมา ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะทำหน้าที่ในการที่จะควบคุมเมตาบอลิซึมต่างๆ รวมถึงควบคุมการทำงานต่างๆ ในร่างกาย หากฮอร์โมนไทรอยด์ผลิตได้น้อยลงก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เรารู้สึกหนาวได้ง่าย อ่อนเพลีย ท้องผูกและที่สำคัญก็คือมีอาการขาบวมได้ค่ะ ดังนั้นถ้าใครมีอาการเหล่านี้แนะนำว่าให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจว่าไทรอยด์ของของเรายังทำงานปกติรึเปล่าและเพื่อทำการรักษาต่อไปค่ะ

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง