5 วิธีลดน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C ลดน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
เมื่อคุณเป็นโรคเบาหวาน สิ่งที่ควรทำเป็นประจำนั่นก็คือการตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ แพทย์ประจำตัวอาจแนะนำให้คุณทำการตรวจเลือดและตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C สองสามครั้งต่อปี โดยมีเป้าหมายที่จะติดตามการรักษาและเพื่อที่จะปกป้องสุขภาพของคุณ รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ
น้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C ไม่เหมือนกับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั่วไป การตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C จะวัดปริมาณน้ำตาลที่จับกับโปรตีนฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง การตรวจแบบนี้จะแสดงให้เห็นถึงระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และสามารถบ่งบอกได้ว่าโรคเบาหวานของคุณนั้นควบคุมได้ดีเพียงใด โดยทั่วไป HbA1C ควรจะต้องมีระดับต่ำกว่า 7% โดยจะมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับแผนการรักษาของแต่ละบุคคล เมื่อใดก็ตามที่ HbA1C อยู่ในช่วงปกติได้แล้ว ก็หมายถึงว่าคุณสามารถที่จะควบคุมโรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น ความเสียหายของเส้นประสาท ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาและโรคหัวใจได้ด้วยเช่นกัน
ระดับของน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C
การตรวจ HbA1C หมายถึงการวัดปริมาณกลูโคสที่จับกับฮีโมโกลบินในเลือด ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกรายงานเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยแพทย์จะใช้มาตราส่วนต่อไปนี้ :
- ระดับของน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C ที่ปกติ: ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์
- ระดับของน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน: 5.7 - 6.4 เปอร์เซ็นต์
- ระดับของน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C ที่เป็นโรคเบาหวาน: 6.5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
อย่างรก็ตามผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรักษาระดับ HbA1C ให้ต่ำกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ ผ่านแอป MorDee ส่งยาให้ถึงบ้าน คลิกรับส่วนลดเลย!
อาหารที่สามารถช่วยลด HbA1C
- ถั่วและพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วดำ ถั่วชิกพี ถั่วขาว และถั่วเลนทิล
- ผลไม้สดและผักสด
- ถั่วเปลือกแข็งต่าง ๆ เช่น วอลนัท อัลมอนด์ และถั่วลิสง
- พาสต้าโฮลเกรน ซีเรียล และข้าวโอ๊ต
- เมล็ดแฟลกซ์
อาหารที่ควรเลี่ยงหากมี HbA1C สูง
- เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- น้ำผลไม้
- กาแฟที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและครีมเทียม
- เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีน้ำตาลสูง
- ขนมหวาน
5 วิธีลดน้ำตาลเฉลี่ยสะสม HbA1C
1. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายของคุณใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถประมวลผลกลูโคสในเลือดได้ดีขึ้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและลดระดับ HbA1C ในเลือดได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดได้ ลองตั้งเป้าออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
2. กินให้ถูกต้อง
งดของหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ขนมปังขาว มันฝรั่ง พาสต้า ผักที่มีแป้ง และอาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของคุณได้ ให้เลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมันและสัตว์ปีกในปริมาณเล็กน้อย และรับประทานนมหรือชีสไขมันต่ำแทน
3. จัดการความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายทำงานหนักและก่อให้เกิดการอักเสบได้ รวมถึงยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางชนิดที่ส่งผลกระทบให้ร่างกายเก็บสะสมพลังงานในรูปของกลูโคสและไขมัน เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านี้ก็จะสามารถเพิ่มระดับ HbA1C ได้ในที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเครียด ลองหาเวลาพักผ่อน ใช้เวลากับคนที่คุณรัก และทำในสิ่งที่คุณชอบ การทำสมาธิและลองทำเทคนิคผ่อนคลายอื่นๆ ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากคุณยังรู้สึกว่ามีความเครียดสะสม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา
4. อย่าอดอาหารนานเกินไป
หากคุณอดอาหารนานเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจตกลงต่ำจนเป็นอันตรายได้ และนอกจากนี้การอดอาหารเป็นระยะเวลานาน ๆ ยังอาจทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะกินมากเกินไปในภายหลัง และจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นลองตั้งเป้ารับประทานอาหารให้สมดุล 3 มื้อ และอาจอนุญาตให้ตัวเองมีอาหารว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการอีก 2 มื้อก็ได้
5. ตรวจเลือดเป็นประจำ
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน สิ่งสำคัญคือควรต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดให้บ่อยเท่าที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูง ในบางคนแพทย์อาจเฝ้าดูระดับ HbA1C อย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการรักษานั้นสามารถควบคุมโรคเบาหวานได้อย่างดี
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 3 วิธีลดน้ำตาลสะสมในเลือด ลดค่า HbA1c อย่างไร ให้สุขภาพดี๊ดี
- 7 วิธีลดค่าน้ำตาลสะสมในเลือด HbA1c ทำอย่างไรไม่ให้เสี่ยงโรคเบาหวาน