ผักตระกูลกะหล่ำ เกราะป้องกันมะเร็งและสารพิษ อาหารสุขภาพ ของ คนยุคใหม่
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพ การกินเพื่อป้องกันโรคภัย ผักตระกูลกะหล่ำ (Cruciferous Vegetables) ได้กลายเป็นสุดยอด ซูเปอร์ฟู้ด ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ เนื่องจากช่วย ต้านมะเร็ง และช่วย ล้างสารพิษ ในร่างกาย เพราะผักเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ใยอาหาร แต่ยังเป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวตามธรรมชาติที่ทรงพลัง ที่ทุกคนควรทานในมื้ออาหาร
การเพิ่มผักตระกูลกะหล่ำ เข้ามาในมื้ออาหารประจำวัน เป็นวิธีที่ง่ายแต่ทรงพลังในการยกระดับสุขภาพของเราให้ก้าวทันเทรนด์ที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญนะคะ!
ผักตระกูลกะหล่ำ มีอะไรบ้าง?
ผักตระกูลกะหล่ำ คือ กลุ่มผักที่มีโครงสร้างของสารอาหารคล้ายกัน และมีสารประกอบที่เรียกว่า กลูโคซิโนเลต ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลังการบริโภค ได้แก่
บรอกโคลี (Broccoli) โดยเฉพาะต้นอ่อนบรอกโคลี
กะหล่ำปลี (Cabbage)
คะน้า (Chinese Kale)
ดอกกะหล่ำ (Cauliflower)
กะหล่ำดาว (Brussels Sprouts)
มีสารสำคัญ ในสารกลุ่ม กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ซึ่งเมื่อถูกย่อยจะเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) และ อินโดล-3-คาร์บินอล (Indole-3-Carbinol)
3 เหตุผล ทำไมผักตระกูลนี้ ถึงดีต่อสุขภาพ
1. ล้างพิษ และ บำรุงตับ
นี่คือจุดที่ทำให้ผักกลุ่มนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะ สาร ซัลโฟราเฟน มีบทบาทสำคัญในการ กระตุ้นเอนไซม์ล้างพิษ ในตับ ทำให้ตับสามารถกำจัดสารพิษ โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทานผักกลุ่มนี้เป็นประจำจึงช่วย ปกป้องตับ ลดการสะสมไขมัน และลดภาระการทำงานหนักของตับ
2. เกราะป้องกันมะเร็ง
สารประกอบในผักตระกูลกะหล่ำสามารถ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม, มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาร Sulforaphane ทำหน้าที่ต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ของเซลล์
3. ตัวช่วยคุมน้ำหนักและชะลอวัย
ไฟเบอร์สูง : ผักเหล่านี้มีใยอาหารสูงมาก ทำให้ อิ่มนาน ลดการกินจุกจิก และช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ดีในลำไส้ (Probiotics) ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภูมิคุ้มกันที่ดี
ต้านอนุมูลอิสระ : อุดมไปด้วยวิตามิน C, K และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วย ลดการอักเสบเรื้อรัง ในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความเสื่อมและโรคต่างๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและผิวพรรณดูอ่อนเยาว์
เคล็ดลับ กินให้ได้ประโยชน์สูงสุด
หั่นและทิ้งไว้ก่อนปรุง : ควรหั่นผักเหล่านี้ เช่น บรอกโคลี ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 45 นาที ก่อนนำไปปรุงอาหาร ความร้อนจะกระตุ้นการสร้างสาร Sulforaphane ได้ดีขึ้น
ปรุงแบบเบาๆ : ใช้วิธีนึ่ง หรือผัดแบบเร็วๆ ในอุณหภูมิที่ต่ำ เพื่อรักษาสารอาหารให้คงอยู่มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายได้รับสาร Sulforaphane มากที่สุด ดังนั้นจึงไม่ควรนำไปต้มหรือผัดจนสุกนานเกินไป
ทานสด : การทานสดในสลัดหรือสมูทตี้จะช่วยให้ร่างกายได้รับเอนไซม์สำคัญครบถ้วน
บทความที่คุณอาจสนใจ

