รีเซต

ไข้หวัดใหญ่ อาการและการป้องกัน เป็นง่าย อันตราย ป้องกันไว้ดีที่สุด

ไข้หวัดใหญ่ อาการและการป้องกัน เป็นง่าย อันตราย ป้องกันไว้ดีที่สุด
หมอดี
26 สิงหาคม 2565 ( 10:45 )
335
ไข้หวัดใหญ่ อาการและการป้องกัน เป็นง่าย อันตราย ป้องกันไว้ดีที่สุด

     ไข้หวัดใหญ่เป็นเรื่องใกล้ตัวสุด ๆ ในช่วงนี้ ที่เราต้องเจอทั้งฝนตกหนัก พายุเข้า อากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาดได้ดีมากๆ สถานการณ์แบบนี้เราต้องระวังตัวอย่างไรดี? และถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วต้องรักษาอย่างไรบ้าง? แอปฯ หมอดีมีสาระสุขภาพดีๆ เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ โดยพญ.ลลิตา พระธานี แพทย์แผนก หู คอ จมูก บนแอปฯ หมอดี มาฝาก รู้ไว้ ป้องกันได้ ดีกว่าปล่อยให้อาการหนักแล้วค่อยรักษานะคะ

 

 

การแพร่ระบาด ของโรค “ไข้หวัดใหญ่”

     ไข้หวัดใหญ่ จะระบาดมากในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน – ตุลาคม) และฤดูหนาว (มกราคม – มีนาคม) ของทุกปี ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรง และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป

     ไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่พบบ่อย คือชนิด A (H1N1 และ H3N2) รองลงมา คือชนิด B และ C ไวรัสประเภทนี้ สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน โดยผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม ของผู้ติดเชื้อ เข้าสู่ระบบหายใจ ปากหรือจมูกของเรา จึงเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วมาก

 

 

อาการของไข้หวัดใหญ่

     หลายคนคงเคยเป็นไข้หวัดกันมาแล้ว แต่ไข้หวัดใหญ่จะมีอาการที่หนักกว่าไข้หวัดทั่วไป โดยสามารถสังเกตอาการที่แตกต่างกันได้ตามตารางเปรียบเทียบในภาพ

 

การวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่

     สามารถตรวจหาไวรัสโดยการแยกเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้จากคอหอยหรือสารคัดหลั่งจากจมูกหรือนํ้าล้างโพรงจมูก โดยใช้ Rapid test

 

การแยกตัวเมื่อติดโรค

     ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการแ ละจะแพร่เชื้อต่อไปอีก 3-5 วันหลังมีอาการในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กอาจแพร่เชื้อได้นานกว่า 7 วัน ควรแยกตัวจากผู้อื่น 5 วันหลังมีอาการ

 

 

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

  1. หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ
  2. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
  3. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด หรือถ้าจำเป็นควรปิดปาก จมูก ด้วยหน้ากากอนามัย
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ นม และไข่ รวมถึงรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ และใช้ช้อนกลาง
  5. นอนหลับ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  6. ดื่มน้ำสะอาด
  7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  8. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่ดี เป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น
  9. ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพิ่มเติมจากตารางฉีดวัคซีนตามปกติ ปีละ 1 ครั้ง

     โดยเฉพาะกับคนกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด ได้แก่ คนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือเด็กตั้งแต่อายุ 6 เดือน – 19 ปี คนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยที่จะต้องไปคลินิก หรือไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ ช่วงฤดูไข้หวัด ผู้ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล คนที่กินยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

 

#พิเศษ จองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่บ้าน (Home Vaccination) ได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ หมอดี

     กำหนดวันเวลาเวลาได้เอง ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องไป รพ. ไม่ต้องเจอกับความแออัด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อได้อีกด้วย ดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพ **ให้บริการในเขต กทม. เท่านั้น**

 

วิธีการจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่บ้าน (Home Vaccination) ผ่านแอปฯ หมอดี

  1. ดาวน์โหลดแอปฯ และลงทะเบียนเข้าใช้งาน สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้จาก Apps Store / Play Store หรือคลิก>> https://mordee.app.link/6grJOklEqpb จากนั้นเลือกเมนูโปรไฟล์ เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งานด้วยเบอร์โทรศัพท์
  2. คลิกแบนเนอร์ “บริการฉีดวัคซีน ถึงบ้าน” ซึ่งจะอยู่ที่ด้านบน ในหน้าแรกของแอปฯ
  3.  เลือกชนิดวัคซีน เพิ่มจำนวน กดสั่งซื้อ กดเครื่องหมาย + เพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนตามที่ต้องการ
  4. ชำระเงิน ผ่านบัตรเครดิต จากนั้นระบบจะแจ้งเลขที่การจอง และนำท่านกลับสู่หน้าการจอง โดยอัตโนมัติ
  5. กดปุ่ม จองเข้ารับบริการ เพื่อกำหนดรายละเอียดการจอง และทำนัดหมายเข้าฉีดวัคซีน
  6. เลือกสถานที่ วัน เวลา พร้อมกรอกข้อมูลส่วนตัวและประเมินความพร้อมในการฉีดวัคซีน จากนั้นกดยืนยัน
  7. ได้รับการยืนยันการจอง โดยระบบจะออกเป็น QR Code พร้อมกับบอกข้อมูลรายละเอียดที่ได้ทำนัดหมาย

 

💬 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line ID: @mordeeapp

 

🩺  แต่หากคุณเริ่มมีอาการไอ จาม ปวดหัว มีไข้ ตัวร้อน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด

📱ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ หมอดี เพียงทำตาม 5 ขั้นตอนดังนี้

  1. ดาวน์โหลดแอปฯ คลิก>> https://mordee.app.link/6grJOklEqpb จากนั้นเลือกเมนูโปรไฟล์ เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งาน
  2. ไปที่หน้าแรกของแอปฯ กดแถบค้นหา เลือกแผนก โรคทั่วไป หรือแผนก หู คอ จมูก
  3. เลือกแพทย์ที่ต้องการปรึกษา แล้วทำนัดหมาย โดยเลือกวันและเวลาที่ต้องการ แล้วเลือกรูปแบบการปรึกษาเป็น วิดีโอคอล โทร หรือ แชต จากนั้นทำการชำระเงิน หรือกรอกโค้ดส่วนลด (ถ้ามี)
  4. เข้าห้องสนทนาในแอปฯ เพื่อทำการปรึกษาแพทย์ เมื่อถึงเวลานัดหมาย
  5. รอสรุปผลการปรึกษาจากแพทย์ พร้อมใบสั่งยา(หากมี) โดยสามารถสั่งซื้อยา แล้วรอรับยาที่บ้านได้

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง