รีเซต

ทำความเข้าใจ 'โรคเบาหวาน' กับ 5 สิ่งต้องปรับ ต้องรู้ ถ้าไม่อยากเป็นเบาหวาน

ทำความเข้าใจ 'โรคเบาหวาน' กับ 5 สิ่งต้องปรับ ต้องรู้ ถ้าไม่อยากเป็นเบาหวาน
faiinatnista
4 มีนาคม 2565 ( 10:00 )
17.1K
1

     โรคเบาหวาน โรคที่ไม่คาดคิดแต่ใกล้ตัวกว่าที่คิด! วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 'โรคเบาหวาน' กันค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องทำ และต้องรู้ ถ้าไม่อยากเป็นโรคเบาหวาน! ถึงเบาหวานจะไม่ใช่โรคใหม่ แต่อ้างอิงสถิติสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ณ ปี 2563 พบว่าไทยมีผู้ป่วยเบาหวานราวๆ 5 ล้านคน และ 95% ของผู้ป่วยเบาหวานในปัจจุบันเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมาจากพฤติกรรมของเรานั่นเอง ฉะนั้นมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่เราควรรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานบ้างนะ!

 

 

1. เบาหวานไม่ใช่แค่พันธุกรรมแต่เป็นพฤติกรรม

     แพทย์หญิงธนพร พุทธานุภาพ จากศูนย์โรคเบาหวาน โรงพยาบาลวิมุต ได้ให้ความรู้ในกรณีการส่งต่อโรคเบาหวานทางพันธุกรรมไว้ว่า นอกจากพันธุกรรมจะเพิ่มความเสี่ยงแล้ว พฤติกรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน

      “ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ควรเฝ้าระวังตั้งแต่แรก ยิ่งถ้ามีคนในครอบครัวสายตรงเป็นเบาหวานหลายๆ คน เนื่องจากมีเบาหวานบางชนิดที่ส่งต่อทางพันธุกรรมได้ ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งพบบ่อย ก็มีส่วนจากพันธุกรรมบ้างแต่มักเกิดร่วมกับการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารมากเกินไป ไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือการที่มีน้ำหนักเกิน ซึ่งถ้าในครอบครัวมีพฤติกรรมเหล่านี้เหมือนๆ กัน ก็สามารถเป็นเบาหวานกันทั้งบ้านได้”

 

2. ไม่ใช่แค่ของหวานที่กินแล้วเป็นเบาหวาน

     ต่อให้ไม่ชอบของหวานแต่ชอบรับประทานข้าว แป้ง ขนมปังเมื่อผ่านระบบการย่อยก็จะกลายเป็นน้ำตาลได้และทำให้น้ำตาลขึ้นสูงหลังกินได้มาก จึงเป็นสาเหตุของโรคอ้วนและเบาหวานได้ ส่วนอาหารไขมันสูงก็ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินและมีการสะสมไขมันในส่วนต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะในช่องท้อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มซอส น้ำจิ้ม น้ำสลัด อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอกบางชนิด พวกนี้ก็มีส่วนทำให้เราได้รับพลังงานเยอะโดยไม่รู้ตัวได้ และก็อาจเป็นสาเหตุของเบาหวานได้เช่นกัน

 

3. ไม่ใช่แค่อาหาร แต่พฤติกรรมการกินก็มีผล

     การกินไม่ตรงเวลา การข้ามมื้ออาหาร อาจทำให้เราหิวมากขึ้นและไปกินอาหารที่พลังงานสูงๆ ทดแทน เพราะเรากินไม่ตรงเวลาจนรบกวนการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนอินซูลินที่ทำหน้าที่ลดน้ำตาลซึ่งออกฤทธิ์ดีในช่วงเช้า ส่วนการกินจุบจิบ การกินบุฟเฟต์ ก็ทำให้เราได้รับพลังงานเยอะเกินความจำเป็นได้ ในส่วนการทำ IF ถ้าคุมแคลอรี่และเลือกชนิดอาหารที่เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย จะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ แต่ในรายที่เป็นเบาหวานแล้ว หากต้องการทำ IF ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

 

4. กิจวัตรประจำวัน ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ

     กิจวัตรที่มีการขยับร่างกายน้อย เช่น การ work from home ทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน หรือนอนดูซีรีส์ทั้งวัน ไม่ออกกำลังกาย ก็ทำให้ร่างกายใช้พลังงานและน้ำตาลน้อยลง ส่วนการนอนหลับไม่เป็นเวลา การทำงานเป็นกะ ไม่มีเวลานอนที่ชัดเจนหรือการนอนน้อย ก็มีส่วนต่อการเกิดเบาหวานและโรคอ้วนได้บ้างจากหลายๆ สาเหตุร่วมกัน โดยเฉพาะฮอร์โมนในร่างกายที่ออกฤทธิ์สัมพันธ์กับเวลาก็อาจจะแปรปรวน และส่งผลต่อการเผาผลาญต่างๆ ได้

 

5. ปรับพฤติกรรมให้ห่างไกลเบาหวาน

     พยายามเลี่ยงอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่หวานจัดเป็นประจำ อาหารพลังงานสูง เน้นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบตามธรรมชาติ ใครเป็นคนที่ติดหวาน ก็ค่อยๆ ปรับรสชาติของอาหาร รวมถึงต้องพยายามให้มีการขยับตัวบ้างในแต่ละวัน อาจมีการตั้งนาฬิกาให้มีการขยับตัวทุก 1-2 ชม. ถ้าบ้านมีหลายชั้นก็เดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ ลดการซื้ออาหาร ขนม หรือน้ำหวานมาตุนไว้ พยายามออกไปซื้ออาหารหรือทำอาหารกินเอง และอย่าลืมการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ก็จะช่วยให้ห่างไกลโรคได้

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี