6 สาเหตุที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน และวิธีแก้ไข
เชื่อว่าหลายๆ คนเลยที่เคยรู้สึกว่า ทำไมวันนี้เรารู้สึกเหนื่อยอย่างนี้ ตลอดทั้งอาทิตย์นี้ทำไมเหนื่อยจัง บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นเพราะเรื่องงานหรือเปล่า ความเครียดหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้ว สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมีมากกว่านั้นค่ะ
สาเหตุของการเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียตลอดทั้งวันบางคนก็หาสาเหตุได้ แต่ในบบางคนก็หาสาเหตุไม่ได้ค่ะ บางคนนอนหลับปกติแต่พอตื่นเช้าขึ้นมารู้สึกไม่สดชื่น ไม่กระปรี้ประเปร่า ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เราคิดว่าหลายๆ คนต้องเคยเจอกันบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ วันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุต่างๆ ที่อาจทำให้อ่อนล้า พร้อมกับวิธีแก้ไขว่าต้องทำอย่างไร ร่างกายของเราจึงจะกลับมาแข็งแรง มีอารมณ์สดใสและสดชื่นเหมือนเดิมค่ะ
6 สาเหตุที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน และวิธีแก้ไข
1. ไม่ออกกำลังกาย
เมื่อเรารู้สึกเหนื่อย เราก็ไม่อยากออกกำลังกายอีก ซึ่งเมื่อเราไม่ออกกำลัง เราก็จะไม่สดชื่นค่ะ แบบนี้เรียกว่าวงจรความเหนื่อย คือ เหนื่อย > ไม่ออกกำลังกาย > ไม่สดชื่น > เหนื่อย วนเป็นวงรอบแบบนี้ไม่รู้จักจบสิ้น วิธีแก้ก็แค่ง่ายๆ เลยค่ะ หาเวลาออกกำลัง 3 วันต่อสัปดาห์ อย่างน้อย 20 - 30 นาที ก็จะทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น อย่าให้ความเหนื่อยมาขวางการออกกำลังกายและสุขภาพดีของเราค่ะ
2. ดื่มน้ำไม่พอ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าไปตลอดทั้งวัน มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า แค่เราดื่มน้ำน้ออยกว่าที่ร่างกายต้องการเพียง 2% ก็จะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและสามารถเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ได้เลยค่ะ เพราะว่าการขาดน้ำจะทำให้เลือดในร่างกายของเราข้นขึ้น เมื่อเลือดข้นขึ้นก็จะไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ยาก นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนที่ร่างกายต้องการไม่ได้โดยเฉพาะสมอง เมื่อสมองต้องการออกซิเจนมากๆ แต่เลือดไม่สามารถส่งไปถึงได้ก็จะเกิดอาการอ่อนเพลีย อ่อนล้า เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องดื่มน้ำให้เพียงพอค่ะ
- ระวัง! 6 ภัยร้ายจากการดื่มน้ำน้อย ที่คุณต้องรู้ ถ้าไม่อยากแก่และอ้วน
- 3 เทคนิค ดื่มน้ำทั้งวันอย่างไร ให้ครบ 8 แก้ว โดยไม่ต้องฝืน
3. กินอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่พอ
เมื่อใดก็ตามที่เราทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ จะเกิดภาวะที่เรียกว่า Iron Deficiency หรือก็คือภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดเหล็กนั่นเองค่ะ และจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่าย บางคนเดินถึงขั้นที่ว่าขึ้นบันไดไม่ไหวได้เลย โฟกัสไม่ได้ ทำงานไม่ได้ และกระทบให้เรารู้สึกเครียดทั้งวันค่ะ ภาวะขาดธาตุเหล็กนั้นถือว่าอันตรายมากๆ แต่ก็แก้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงรู้จักทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก ก็จะสามารถที่จะเติมเต็มธาตุเหล็กในร่างกายได้ ซึ่งอาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะก็อย่างเช่น เนื้อหมู เนื้อวัวที่เป็นเนื้อแดง ตับ ถั่วแดง ไข่แดง ผักสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังควรทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงคู่ไปด้วย เช่น ส้ม มะนาว เพราะอาหารกลุ่มวิตามินซีสูงจะสามารถทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นค่ะ
4. ไม่กินอาหารเช้า
บางคนก็ห่วงเรื่องลดความอ้วน หรือบางคนก็กลัวจะสาย ทำงานไม่ทัน ก็เลยข้ามมื้อเช้าไป หันไปกินมื้อกลางวันหรือเย็นแทนซึ่งการไม่กินอาหารเช้านั้นไม่สามารถจะทำให้น้ำหนักลดค่ะ กลับกันการลดความอ้วนด้วยการไม่กินข้าวเช้านั้นมีความเสี่ยงที่จะทำใหห้เราอ้วนกว่าเดิม นอกจากนี้อาหารเช้าถือเป็นพลังงานของร่างกายตลอดทั้งวันค่ะ เพราะเราใช้พลังงานไปหมดแล้วในช่วงกลางคืน เมื่อตื่นเช้ามาร่างกายของเราก็จะไม่มีพลังงานแล้ว การกินอาหารเช้าเรียกว่าเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้เรากระปรี้กระเป่า มีแรงในการทำงานและทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ค่ะ
- 20 ไอเดียอาหารเช้า ลดน้ำหนัก ทำไม่เกิน 10 นาที เหมาะสำหรับคนอยากผอมแต่ไม่มีเวลา!
- ไอเดียทำอาหารคลีน มื้อเช้า แบบฉบับเร่งรีบ เหมาะสำหรับสาวออฟฟิศ/เด็กหอ
5. กิน Junk Food
หลายๆ คนก็ดำรงชีวิตด้วย Junk Food ค่ะ อาจจะเพราะด้วยความรีบเร่งหรืออะไรก็ตามแต่ แต่อาหารประเภทนี้สร้างปัญหาให้กับร่างกายของเราได้เยอะมาก เพราะเป็นอาหารที่มีโซเดียม ไขมัน และน้ำตาลสูง ร่างกายของเราจะเกิดอาการน้ำตาลพุ่งขึ้นสูงและตกลงเร็ว ทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายทั้งวัน แถมยังทำให้หงุดหงิดด้วย เพราะฉะนั้นการเลือกอาหารที่ดีจึงแก้ปัญหาข้อนี้ได้ค่ะ อาหารเหมาะกับอาการแบบนี้ก็คือคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยช้า ซึ่งจะทำให้น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อยๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิด แล้วค้างอยู่แบบนั้น ทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายจะคงที่อยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งแบบนี้ทำให้เราไม่หงุดหงิด และยังมีพลังงานใช้ทั้งวันค่ะ
6. นอนดึก
การนอนดึกในวันเสาร์ ตื่นสายในวันอาทิตย์ นอนไม่หลับในคืนวันอาทิตย์และสุดท้ายตอนเช้าวันจันทร์ก็ไม่อยากตื่น ไม่อยากไปทำงาน หลายๆ คนมีพฤติกรรมแบบนี้จนเป็นปกติ เช้าวันจันทร์จะไม่มีแรง ไม่อยากไปทำงาน ทางแก้ก็คือปรับการนอนให้ดีขึ้น ซึ่งการนอนที่ดีก็คือทุกวันต้องเหมือนกัน จันทร์ถึงอาทิตย์เราเข้านอนกี่โมงตื่นกี่โมง ก็ทำตามนั้นเวลาเดิม ซึ่งเราแนะนำให้นอน 22:00 น ตื่น 05:00 - 06:00 น. เวลานี้เป็นเวลาที่ค่อนข้างดีมาก เพราะเรานอนได้ 8 ชั่วโมง รวมถึงในช่วง 22:00 น. ถึง 02:00 น. เป็นช่วงที่โกรทฮอร์โมนหลั่งดีที่สุด ทำให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น แจ่มใสค่ะ
.........................................
อัพเดทเทรนด์เมคอัพ แฟชั่น เคล็ดลับลดน้ำหนัก และไลฟ์สไตล์ผู้หญิงใหม่ๆ ทุกวัน
ได้ที่แอปพลิเคชัน ทรูไอดี ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!
บทความที่คุณอาจสนใจ
5 วิธีแก้อาการ อ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย แก้ได้ง่ายๆ ตามนี้!!