รีเซต

ทำงานที่บ้าน ยังไง ให้สุขภาพแข็งแรงดี แถมงานมีประสิทธิภาพ

ทำงานที่บ้าน ยังไง ให้สุขภาพแข็งแรงดี แถมงานมีประสิทธิภาพ
เฮลโลคุณหมอ
16 เมษายน 2563 ( 14:00 )
197
ทำงานที่บ้าน ยังไง ให้สุขภาพแข็งแรงดี แถมงานมีประสิทธิภาพ

 

รูปแบบการทำงานในปัจจุบัน เอื้อให้มนุษย์เงินเดือน สามารถทำงานที่บ้านกันได้มากขึ้น หลายบริษัทถึงกับไม่มีสำนักงานออฟฟิศ แต่ให้พนักงานของตัวเองทำงานจากที่ไหนก็ได้ การทำงานที่บ้าน หรือทำงานที่ไหนก็ได้นี้ นอกจากจะช่วยให้พนักงานประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาเดินทางแล้ว ยังเหมาะอย่างยิ่งกับช่วงทีมีสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย เช่น ช่วงที่มีโรคระบาด เพราะถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่อาจช่วยลดการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ แต่เราจะ ทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือทำงานที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ยังไงให้ไม่เสียงานและไม่เสียสุขภาพ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้คุณแล้ว

วิธี ทำงานที่บ้าน สุดเวิร์ก

ทำงานที่บ้าน ต้องมีกิจวัตรยามเช้า

กิจวัตรประจำวันที่ชัดเจนจะช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราเตรียมพร้อมรับสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ก่อนเริ่มทำงานที่บ้าน คุณควรหากิจวัตรยามเช้าดีๆ ที่ทำแล้วผ่อนคลาย เช่น ดื่มกาแฟดำสักแก้ว พาน้องหมาออกไปเดินเล่น ซึ่งจะช่วยให้คุณพร้อมเริ่มงานในแต่ละวันอย่างสดใส คราวนี้แหละรับรองว่างานจะหนักแค่ไหน คุณก็สามารถทำออกมาได้ดีแน่นอน

กำหนดเวลางานให้ชัดเจน

การกำหนดเวลาในการทำงานและเวลาพักผ่อนให้ชัดเจน และทำตามตารางเวลานั้นให้ได้ จะช่วยทำให้นาฬิกาในร่างกายของคุณไม่รวน สมองสามารถแยกแยะได้ว่าเวลาไหนควรทำงาน เวลาไหนควรพักผ่อน หากบริษัทของคุณมีเวลาทำงานอยู่แล้ว เช่น เข้างาน 9.00 น. เลิกงาน 18.00 น. ในช่วงที่คุณทำงานที่บ้าน คุณก็ควรทำงานตามช่วงเวลานั้นๆ ถึงเวลาเที่ยงก็ต้องพักกินข้าว พอหมดเวลางานแล้วก็ควรพักผ่อน อย่าทำงานเพลินจนเกินเวลา เพราะจะทำให้ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า จนสมองก็ไม่แล่น ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจพาลล้มป่วยได้ด้วย หรือหากรู้ว่าช่วงเวลาไหนที่สมองไบรท์กว่าเวลาอื่น ก็อาจตั้งใจทำงานในเวลานั้นให้เสร็จ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ ก็ดีต่อทั้งงานและสุขภาพเช่นกัน

เตรียมเทคโนโลยีและโปรแกรมให้พร้อม

หากอยากทำงานที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพ ไม่เกิดปัญหาติดขัดจนเสียงาน อีกหนึ่งอย่างที่คุณต้องเตรียมให้พร้อมก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีและโปรแกรมที่ใช้ในการทำงาน เช่น อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (เพียงพอในการทำงาน) คอมพิวเตอร์สภาพดี (ไม่พังหรือช้าจนทำงานไม่ได้) วิธีและรหัสเข้าโปรแกรมที่จำเป็น หูฟังและกล้องเว็บแคมชั้นเยี่ยมเผื่อต้องประชุมทางไกล และถ้าจะให้ดี คุณต้องลองทดสอบสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก่อนถึงเวลาต้องใช้งานจริง หากพบปัญหาจะได้แก้ไขได้ทัน และเมื่อถึงเวลาจริง ทุกคนจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งหัวเสียกับปัญหาด้านเทคนิคจนไม่ได้งาน

พื้นที่ทำงานต้องเอื้อต่อการทำงาน

เมื่อพูดถึงการทำงานที่บ้าน หลายคนอาจคิดจินตนาการถึงการนั่งจิบกาแฟ และพร้อมทำงานด้วยคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปบนที่นอนนุ่มๆ เหมือนที่เคยเห็นในหนังหลายๆ เรื่อง แต่เดี๋ยวก่อน! เราอยากให้คุณเก็บไอเดียนี้ไว้แค่ในจินตการเท่านั้น เพราะในชีวิตจริง การทำงานบนเตียงอาจไม่เหมาะเท่าไหร่นัก หากคุณอยากทำงานที่บ้านให้ได้งานจริงๆ คุณควรกำหนดพื้นที่ทำงานให้เป็นสัดเป็นส่วน แยกกับพื้นที่ส่วนตัวให้ชัดเจน เมื่ออยู่ในพื้นที่ทำงานก็ควรทำงานให้เต็มที่ แต่พออยู่ในพื้นที่พักผ่อน เช่น โซฟา ห้องนอน ก็ควรพักผ่อนจริงๆ แต่ก็ต้องระวังอย่าพักผ่อนเพลินจนลืมทำงาน ไม่อย่างนั้นปัญหาอาจมาเยือน

กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับคนรอบข้าง

อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งของการทำงานที่บ้าน สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว เช่น อยู่กับพ่อแม่ อยู่กับแฟน ก็คือ ทำงานที่บ้านแล้วไม่ได้งาน เพราะพอเห็นว่าคุณอยู่บ้าน คนที่บ้านก็อาจเข้าใจว่าคุณสามารถทำกิจวัตรประจำวันอื่นๆ เช่น ทำกับข้าว ล้างจาน เก็บบ้าน ไปซื้อของ หรือพูดคุยสังสรรค์กันได้ทุกเมื่อ ฉะนั้น หากคุณอยากทำงานที่บ้านแล้วได้งาน คุณก็ต้องไม่ลืมตั้งกฎ กติกา มารยาทสำหรับคนที่บ้านไว้ด้วย พวกเขาจะได้รู้ว่าเวลาไหนคุณทำงาน เวลาไหนคุณพักผ่อน จะได้ไม่มากวนคุณให้เสียงาน และเมื่อทำงานเสร็จแล้ว ต้องใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือแฟนคุณด้วย หากทำได้ตามนี้ รับรอง งานออกมาดี แถมสุขภาพกายใจ และความสัมพันธ์ก็ไม่เสียแน่นอน

อย่าลืมพักเบรก ออกไปสูดอากาศนอกบ้านบ้าง

การอุดอู้ทำงานอยู่แต่ในบ้าน อาจทำให้คุณเครียดจนทำงานได้ไม่ดี แถมเสียสุขภาพด้วย โดยเฉพาะสำหรับคนที่เคยเดินไปทำงาน ปั่นจักรยานไปทำงาน หรือออกกำลังกายเป็นประจำ แถมบางที พอทำงานที่บ้านนานเข้า จากคนที่เคยแอคทีฟ คุณอาจชินกับการนั่งทำงาน เดินไปเอาของกินมากินที่โต๊ะทำงาน จนน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน หรือโรคร้ายอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และกระทบกับงานได้

เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ คุณจึงควรพักสายตาจากหน้าจอ แล้วลุกออกไปเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง เช่น ไปนั่งจิบกาแฟที่คาเฟ่ใกล้บ้าน หรือจะแค่เดินเร็วออกกำลังกายในห้องนั่งเล่นก็ได้ แต่ย้ำนะว่าถ้าอยากออกไปข้างนอก ต้องเป็นช่วงที่อากาศมีคุณภาพดี ไม่มีปัญหามลพิษ หรือต้องไม่มีโรคระบาด เพราะไม่อย่างนั้น แทนที่จะชิลล์ กลับมาแล้วหัวแล่น ทำงานได้เริ่ด อาจกลายเป็นป่วยจนทำงานไม่ได้ก็ได้

ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย

ความเหงา ความโดดเดี่ยว และความรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นในสังคม ถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในเหล่าคนทำงานที่บ้าน ฉะนั้น ต่อให้คุณต้องทำงานที่บ้าน คุณก็ไม่ควรละเลยการติดต่อพูดคุย หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นประจำ หากทำได้ คุณควรออกไปแลกเปลี่ยนไอเดีย หรือสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานแบบเห็นหน้าบ้าง แต่หากเป็นช่วงที่โรคระบาด หรือช่วงที่ไม่ควรออกไปพบปะใกล้ชิดกับผู้อื่น หรืออยู่ในที่แออัด การคุยงานหรือคุยเล่นผ่านโปรแกรมแชตต่างๆ ก็เป็นวิธีที่ดีต่อความสัมพันธ์ของคุณกับเพื่อนร่วมงาน และดีต่อสุขภาพจิตของคุณด้วย

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

บทความที่เกี่ยวข้อง