รีเซต

ไอเดียเจ๋ง! งานแต่ง DIY สไตล์ Carnival เนรมิตงานแต่งด้วยตัวเอง ใครๆ ก็ทำได้! Part 1

ไอเดียเจ๋ง! งานแต่ง DIY สไตล์ Carnival เนรมิตงานแต่งด้วยตัวเอง ใครๆ ก็ทำได้! Part 1
Faii_Natnista
22 มกราคม 2559 ( 09:36 )
278K

ช่วงต้นปีใหม่แบบนี้ เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงกำลังมองหาฤกษ์งามยามดีสำหรับจัดงานแต่งงานกันอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งนอกจากเรื่องฤกษ์ยามที่ดีจะเป็นสิ่งแรกที่เจ้าสาวหลายคนให้ความสำคัญไม่น้อยแล้ว เรื่องธีมงานก็กลายเป็นอีกเรื่องที่ดูจะเป็นสิ่งที่เจ้าสาวเจ้าบ่าวหันมาสนใจกันมากขึ้นเยอะทีเดียวค่ะ เพราะงานแต่งสมัยนี้ ถ้าไม่มีธีมงานที่แตกต่างจากคนอื่น ก็ดูจะเชยแถมธรรมดาไปซะแล้ว

ซึ่งสำหรับเจ้าสาวคนไหนที่มีธีมในใจ เป็นงานแต่งงานแนวสนุกสนาน เฮฮา เป็นกันเอง แถมอยากจัดงานแต่งงานแบบถูกๆ ประหยัดงบล่ะก็ อย่าได้พลาดเรื่องราวงานแต่งที่ Women Society หยิบมาให้อ่านในวันนี้เลยค่ะ เพราะกระทู้ของคุณ chinjung_rabbit ซึ่งเป็นงานแต่งแบบ DIY โดยฝีมือของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองนี้ มันน่ารัก เป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ สำหรับคู่บ่าวสาวที่อยากได้งานแต่งไม่เหมือนใคร แถมไม่แพง เลยล่ะค่าา

บอกเลยว่า ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ แบบที่เจ้าบ่าวเค้าจัดการทำ Artwork ออกแบบโลโก้ / การ์ด / แบ็กดรอบเวที หรือแม้แต่หนังสั้นพรีเซนท์เทชั่นในงานด้วยตัวเองทั้งหมดนี้ มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะทำได้เจ๋งขนาดนี้! ถ้าอยากรู้ว่าจะเจ๋งขนาดไหน ตามมาดูกันเล้ย

 

รีวิวงานแต่ง DIY สไตล์ Carnival ของเจ้าสาวแสนถึก “ยัยจ้ำม่ำ” และ เจ้าบ่าวสุดเกรียน “นายหนวด”


เรากับเจ้าบ่าวอายุเท่ากันค่ะ ตอนนี้อายุ 28 ย่าง 29 ปี คบกันมาเกือบ 5 ปีแล้วค่ะ ประมาณ 2 ปีก่อนเราเริ่มๆ สะกิดเจ้าบ่าว “ชั้นอยากแต่งงาน” เพราะเห็นเพื่อนเริ่มทยอยออกเรือนไปมีสามีมีลูกกันแล้ว เราคุยกันอยู่นานมากเพราะตกลงกันไม่ได้ จนถึงเดือนเมษายน ปี 2557 เจ้าบ่าวก็ทนคำรบเร้าอยากมีสามีเป็นตัวเป็นตนของเจ้าสาวไม่ไหว เลยขอแต่งงานซะเลย เจ้าสาวก็ไม่รีรอรีบตอบรับโดยทันใด โดยเจ้าบ่าวมีเงื่อนไข ขอเวลาอีก 2 ปีนะ เจ้าบ่าวอยากทำหนัง Presentation ด้วยตัวเอง โดยอยากทำเป็นหนังสั้นเขียนบทเองถ่ายทำตัดต่อเอง เจ้าสาวก็โอเค๊ รอได้ (ถ้ารอไม่ได้ก็อดแต่งสิ) เราเลยตกลงกันว่าจะแต่งงานประมาณปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 ระหว่างนั้นเองก็เลยเริ่มคิดว่าจะจัดงานแบบไหนดี โดยมี Concept คือ งานเล็กๆ งบสบายกระเป๋า และถูกใจเราทั้ง 2 คน

เจ้าสาว : ยัยจ้ำม่ำ มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าสาวแสนสวยในชุดแต่งงานฟูฟ่อง อารมณ์ประมาณเจ้าหญิง งานแต่งแนววินเทจ ในสวนสวยๆ ถ่ายภาพฟรุ้งฟริ้ง
เจ้าบ่าว : นายหนวด มีความใฝ่ฝันอยากได้งานแต่งแนวๆไม่เหมือนใคร มีหนังสั้นที่ตัวเองทำฉายในงาน อารมณ์หนังกลางแปลงฉายในงานวัด

เมื่อ 2 ความคิดมาบรรจบกัน จึงเกิดการตีกันขึ้น เพราะดูแล้วคนละแนวเลยทีเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่เห็นตรงกันคือเรื่องของสถานที่ อยากได้สถานที่ในสวน เราจึงเริ่มหาข้อมูลทันที เราอ่านรีวิวอยู่นานมากสุดท้ายเราก็ตกลงปลงใจที่จะจัดงานที่ สยามสมาคม (สุขุมวิท 21) เนื่องจากเดินทางสะดวกติด BTS และ MRT มีที่จอดรถ (ประมาณ 90 คัน) สถานที่สวยงาม เจ้าหน้าที่น่ารักและที่สำคัญเรารับราคาได้ ราคาที่เราจองคือ 58,000 บาทได้ทั้งวัน มีส่วนลด 3,000 บาทถ้าใช้ร้านอาหารที่สยามสมาคมมี Contact ด้วย (สำหรับที่นี่ สามารถใช้พื้นที่ได้ทั้งในอาคารและส่วนที่เป็นสวนนะคะ งานเช้าเจ้าสาวสามารถไปนั่งรอบนเรือนไทยตอนเจ้าบ่าวมารับตัวได้ค่ะ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกจะมีไฟ เครื่องเสียง โปรเจคเตอร์ แต่เครื่องฉายเช่าแยกค่ะ มีโต๊ะกับเก้าอี้สำหรับ 250 คน มีกล่องไม้เวที และโครงไม้ Backdrop ให้ค่ะ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลวันงานให้ค่ะ)

 

 

พอได้สถานที่ในใจเราก็มานั่งคุยกันมาจะจัดงานวันไหนดี ตอนแรกก็จะไปหาฤกษ์ดูหมอดูพระแบบคนทั่วไป แต่ดูไปดูมาแล้วไม่รู้จะไปที่ไหนดี เลยจัดการกางปฏิทินแต่งงาน เลือกเดือนแล้วจิ้มวันเลย เลยได้มาเป็นวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 พอใกล้ๆ เดือนตุลาคม ปี 2557 เราก็เลยไปดูสถานที่จริงๆ และจัดการจองวันนั้นเลย เพราะมีคู่บ่าวสาวมารอจองคิวเยอะมากโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2558 เราพลาดวันที่ 21 เพราะมีคนจองตัดหน้า สุดท้ายเราเลยพยายามหาวันที่เหลือ เลยมาลงตัววันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 (ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่าวันนั้นฤกษ์ดีมาก คนแต่งกันเยอะมากๆ)

 

 

พอได้วันแล้วเราก็หาข้อมูลในส่วนอื่นๆ เราตกลงกับเจ้าบ่าวว่าจะจ้างออแกไนซ์เฉพาะงานพิธีตอนเช้า เนื่องจากรายละเอียดของพิธีการเยอะ และเราเป็นคู่แรกของบ้านที่ได้แต่งงานจึงไม่ค่อยรู้พิธีการ จึงเริ่มหาออแกไนซ์งานเช้าก่อน เราได้คุยถามรายละเอียดอยู่ 2 ที่ สุดท้ายเราตกลงเลือกของ Banana leaf ซึ่งราคาสูงกว่าอีกที่ แต่คุยแล้วประทับใจในความใส่ใจของลูกค้าให้บริการดี เราติดต่อกับพี่แมว ซึ่งพี่แมวน่ารักมากค่ะ คุยรายละเอียด ติดต่องานทุกครั้งพี่แมวจะคุยดีมาก อธิบายเราได้ทุกอย่าง และตอบเราทุกคำถามค่ะ ที่สำคัญพี่ที่เรารู้จักเค้าเคยใช้บริการของที่นี่ และเราได้เคยไปงานแต่งของพี่เค้า เราเลยมั่นใจว่าดีจริง ซึ่งวันงานก็ไม่ผิดหวังเลยนะคะ ตอนนั้น Package ที่เราซื้อคือ 49,000 บาท (ปีปัจจุบันราคาขึ้นแล้วนะคะ) พิธีการทุกอย่างรวมขันหมาก และบุฟเฟต์อาหารกลางวันสำหรับ 50 ท่าน

เรื่องของการจัดสถานที่ พี่แมวจะมาคุยรายละเอียดก่อนงานประมาณ 2 เดือนว่าเราต้องการสีประมาณไหนรูปแบบยังไง ซึ่งที่ Banana leaf จัดงานออกมาได้สวยงามมากค่ะ เจ้าสาวแต่งหน้าออกมาเสร็จปุ๊บคือสถานที่ทุกอย่างพร้อม สำหรับพิธีกรวันงาน วันนั้นพี่อุทัยได้มาเป็นพิธีกรให้ ซึ่งเราว่าพี่เค้าเก่งมากค่ะ จะคอยพูดไปเรื่อยๆ สร้างบรรยากาศในงาน ให้เกร็ดความรู้เรื่องพิธีการต่างๆ ตลอดงาน และคอยบอกคิวว่าเราต้องทำอะไรเมื่อไหร่ให้ตลอด ที่สำคัญพี่เค้าน่ารักใจดียิ้มแย้มตลอดค่ะ สำหรับเรื่องอาหารเราไม่ได้ทานเลยค่ะ เพราะไม่มีเวลา แต่แขกหลายท่านชมว่าอาหารอร่อยค่ะ เราเลยคิดว่าถ้าใครมองหาออแกไนซ์งานเช้า Banana leaf เป็นเจ้าแรกที่เราจะแนะนำค่ะ

https://www.facebook.com/banananaleaf/?fref=ts

 

สำหรับงานเย็น เรากับเจ้าบ่าวมาคุยกันเรื่องธีมงาน เสียงแตกออกเป็นหลายแนวมาก ทั้งงานวัด ทั้งวินเทจ ทั้งธีมพรมแดงงานภาพยนตร์ สรุปสุดท้ายเราเอาหลายๆ ธีมมารวมกันกลายเป็น Carnival เพราะมีความสนุกสนานแบบงานรื่นเริงของฝรั่ง จัดในสวนได้ และสามารถฉายภาพยนตร์แบบหนังกลางแปลงได้ เราได้ลองดูออแกไนซ์หลายๆเจ้า เปรียบเทียบราคา แต่ลองถามดูแล้วเราสู้ราคาไม่ไหว เพราะรายละเอียดงานเราเยอะมาก เลยมาจับเข่าคุยกับเจ้าบ่าว ตกลงว่าเรามีเวลาเตรียมงานอีกปีนึง เราน่าจะลองเตรียมงานกันเองดูนะ โดยเราแบ่งส่วนคือ เจ้าบ่าวจะทำในส่วนหนังสั้น Presentation งาน Artwork ทั้งหมด ตั้งแต่ออกแบบโลโก้ การ์ดเชิญ เวที รวมถึงตกแต่งรูปและรีทัชภาพ Pre-Wedding ส่วนเราจะทำในส่วนตกแต่งงาน คือ Backdrop ของชำร่วย ของตกแต่งรอบๆ งาน (แค่คิดก็สนุกแล้ว 555)

เรามาเข้าเรื่องภารกิจงาน DIY เลยดีกว่าค่ะ เริ่มแรกงานหลักของเราคือ backdrop เนื่องจากธีมงานเราคือ Carnival เราเลยต้องเน้นสีสันสดใส เราไปดู Reference มาหลายที่มาก ทั้งของไทยและต่างประเทศ สรุปสุดท้ายเราเลือกสีแดง น้ำเงิน เหลืองเป็นสีหลักของงาน (สีแสบตาดีเน๊อะ) สำหรับรูปแบบของ backdrop เนื่องจากเจ้าสาวมีความฟรุ้งฟริ้งอยู่ในตัวพอสมควร เลยอยากได้อะไรที่แอบหวานนิดๆ เลยอยากทำ backdrop ดอกไม้กระดาษ เพราะเห็นทำหลายงานมาก สวยดี แต่มันคืองานหินมากๆ เลยล่ะเพราะไม่เคยทำมาก่อน แต่อยากลอง เราหา Reference รูปแบบของจากออแกไนซ์หลากหลายที่ จนมาเจอของ Prop Arts แว้บแรกที่เราเห็นคือชอบมาก มันตรงธีมงานเราเลย แต่เราคิดว่าเราสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ เลยพยายามลองดัดแปลงรูปแบบมาทำในส่วนที่เราพอจะทำได้เอง

 

 

เราเลยพยายาม Search หาข้อมูลวิธีทำดอกไม้กระดาษใน Youtube จนไปเจอวิธีการทำดอกไม้กระดาษของมาดามเม้าท์เจ้าของเพจ Beauty Mouthsy ซึ่งสอนวิธีการทำได้ละเอียดมากๆ แบบไม่หวงความรู้เลย เราแอบเมสเสสไปถามมาดามบ่อยๆ ขอคำปรึกษามาดามก็จะตอบให้ตลอดและคอยให้กำลังตลอดเวลา โดยในคลิปมาดามจะเริ่มสอนจากดอกกุหลาบขนาดเล็ก ไปดอกกลาง และดอกไซส์โคตรใหญ่ มีดอกพวกซากุระ กล้วยไม้ ด้วยนะ (เราแปะ link ตัวอย่างไว้ด้านล่าง)

 

 

เราไปหาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่สำเพ็ง แรกๆ เราซื้อมาทีละน้อยก่อนเพราะไม่มั่นใจว่าทำได้ เราใช้กระดาษ 100 ปอนด์ทำตัวดอก และใช้ปืนกาวในการติดประกอบดอกไม้ และใช้สเปรย์สีแบบกระป๋องในการพ่นสี สำหรับคนที่อยากลองทำและคิดว่าใช้เยอะเราแนะนำไปซื้อร้านยงเจริญ ตรงสำเพ็งนะคะ อยู่ซอยวานิช ร้านนี้ขายอุปกรณ์เครื่องเขียนราคาค่อนข้างถูกกว่าที่อื่นค่ะ แต่ต้องซื้อแบบเยอะๆ นะ เราซื้อกระดาษ 100 ปอนด์แบบแพ็ค 125 แผ่น ในราคา 1,550 บาท (ตกแผ่นละ 12 บาทกว่าๆ ในขณะที่ร้านขายปลีกราคา 16-20 บาท) สำหรับคนที่ซื้อน้อยๆ เราแนะนำร้านสมใจ (พาหุรัด) เราจะซื้อสลับกันอยู่ 2 ร้านตามความสะดวกค่ะ

เริ่มแรกของการทำดอกไม้เราเริ่มจากดอกเล็กๆ ก่อน มันก็ไม่ยากไม่ง่ายนะคะ หลักสำคัญอยู่ที่ตอนประกอบดอกไม้ และการดัดกลีบดอกให้สวยงาม แรกๆ จะงงๆ ทำไม่ค่อยสวย หลังๆ ถ้าเริ่มชินแล้วจะทำได้คล่องขึ้นค่ะ ช่วงแรกเราไม่ถนัดใช้ปืนกาวโดนลวกปวดแสบปวดร้อนมาก จนช่วงหลังหนังด้านเริ่มชิน 555 งานดอกไม้ช่วงแรกเราลองเอากระดาษสีโปสเตอร์มาทำดูก่อน เราค้นพบว่า มันอ่อนเกินไปดัดดอกไม้แล้วไม่อยู่ทรง ที่สำคัญมันเสียทรงง่ายมาก เราทำแล้วเก็บใส่ถุงผ่านไป 2-3 เดือนมันไม่สวยเลยค่ะ เพราะฉะนั้น กระดาษ 100 ปอนด์ดีที่สุดค่ะ แต่ตอนดัดกลีบต้องระวังอย่าทำกระดาษหักนะคะมันจะเป็นรอยหักชัดเจน และตอนติดกาวต้องพยายามจับกลีบไว้จนกว่าจะแห้งนะคะ ถ้ารีบดึงมือออกเร็วเกินมันจะไม่ติดกันค่ะ

สำหรับวิธีการพ่นสีดอกไม้มีหลายวิธีค่ะ แต่เราเลือกใช้สเปรย์สีกระป๋องเพราะเราทำแค่ 10-20 ดอก มันสะดวกและประหยัดกว่าค่ะ แต่สีมันจะเหม็นมากค่ะ กลิ่นฟุ้งกระจายไปหมด ควรปิดจมูกตอนพ่นและดูทิศทางลมด้วยนะคะ ไม่งั้นละอองสีเข้าหน้าหมด 555 สำหรับสีสเปรย์ 1 กระป๋อง เราพ่นดอกใหญ่ได้เกือบ 2 ดอกค่ะ แต่เราพ่นแบบสีไม่เต็มทั้งดอกนะคะ

 

อันนี้เป็นครั้งแรกที่ลองทำดอกเล็ก

 

 

พอเริ่มชำนาญก็ทำดอกใหญ่

 

 

ลงมือพ่นสีสเปรย์ค่ะ เหม็นมากจริงๆ

 

 

ต่อมาเมื่อได้ดอกกุหลาบแล้วเราก็คิดว่าควรมีดอกไม้ชนิดอื่นมาแซม เราก็จัดการหาใน Youtube ต่อไปค่ะ คราวนี้เป็นคลิปของต่างประเทศค่ะ เราไม่แน่ใจว่ามันคือดอกอะไรนะคะคล้ายๆ ดาวเรืองเลย ใช้กระดาษว่าวทำพับเป็นพัดแล้วกางออก ดอกนึงใช้ 6 ช่อนะคะติดบนฐานกลมมีขอบ เราดัดแปลงโดยใช้กระดาษลังทำเป็นฐานค่ะ และอีกดอกนึงใช้กระดาษว่าวเหมือนกันพับเป็นพัดแล้วกางออกอันนี้ไม่ต้องใช้ฐานค่ะ สำหรับกระดาษว่าวที่ร้านยงเจริญ สำเพ็ง ขายเป็นม้วนมี 50 แผ่น ราคา 70 บาทค่ะ ตกแผ่นละ 1 บาทกว่าๆ ถ้าซื้อไม่เยอะร้านสมใจขายแผ่นละ 3 บาทค่ะ (เราแปะ link วิธีการทำไว้ด้านล่างค่ะ)

 

 

 

 

ดอกนี้ทำไม่ยากค่ะทำทีได้ดอกใหญ่เลย แต่กระดาษว่าวจะขาดและยับง่ายเวลาทำต้องเบามือหน่อยค่ะเราทำกี่รอบก็ยังขาดตลอด 555

 

ต่อมาเป็นดอกไม้แบบขนาดเล็กลงค่ะ เราทำไว้แซมตามรูโหว่ คราวนี้เราใช้กระดาษสีแบบแข็ง 2 หน้าค่ะ เราซื้อกระดาษที่ร้านสมใจ ตกแผ่นละ 18 บาทค่ะ ส่วนสีน้ำเงินเราใช้กระดาษ 100 ปอนด์พ่นสีค่ะ เพราะไปหาดูแล้วกระดาษสีไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ สำหรับดอกนี้เรา Download กลีบดอกไม้จาก link ด้านล่างค่ะ พร้อมดูวิธีทำจาก Youtube ดอกนี้สามารถดัดกลีบดอกได้ 2 แบบค่ะ ดัดด้านข้าง 2 ด้าน หรือดัดตรงกลางอย่างเดียวก็ได้ค่ะ

 

 

นี่คือแบบที่ปริ้นออกมาค่ะ เอามาลอกลายบนกระดาษสี

 

 

ต่อมาเป็นดอกไม้ 5 กลีบค่ะ ดอกนี้เราใช้กระดาษสีโปสเตอร์ค่ะ พับแล้วประกอบ ดอกนี้ทำง่ายมากค่ะ ออกมาสวยด้วย เอาไว้แซมๆตามรูโหว่ ทำให้ Backdrop ดูมีมิติมากขึ้นค่ะ (เราแปะ link วิธีการทำไว้ด้านล่างค่ะ)

 

 

backdrop ของเรานอกจากดอกไม้กระดาษแล้วเรายังทำพัดกระดาษและพู่กระดาษแซมเป็นฐานด้วยค่ะ สำหรับพัดเราใช้กระดาษหลากหลายมากค่ะเลือกเอาสีเอาลายที่ชอบเลยค่ะ สำหรับขนาดเราทำหลายๆไซส์เพื่อจะได้ดูมีมิติค่ะ (เราแปะ link วิธีการทำไว้ด้านล่างค่ะ)

 

ส่วนพู่กระดาษ เราใช้กระดาษว่าวพับแบบพัดแล้วกางออกค่ะ ได้ลูกกลมๆน่ารักมากค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากทำเอง เราเห็นตามสำเพ็งมีขายแบบสำเร็จรูปนะคะ แต่ต้องเอามากางเอง (เราแปะ link วิธีการทำไว้ด้านล่างค่ะ)

 

 

สำหรับการติดตั้ง ก่อนติดตั้ง เจ้าบ่าวได้ถ่ายรูปดอกไม้ทั้งหมดแล้ววัดขนาดดอกไม้จริงลงคอม จากนั้นวางแบบคร่าวๆ โดยใช้โปรแกรม Adobe illustrator ค่ะ

 

 

เราติดตั้งกันที่สยามสมาคมวันที่ 13 พ.ย. 2558 ก่อนงาน 1 วัน เข้าไปติดตั้งตอนบ่าย 2 แต่วันนั้นฝนตกหนักค่ะ ตอนที่ฝนเริ่มตกปรอยๆเราอยู่ที่ Terminal21 มากินข้าวช้อปปิ้งรอเวลาเซทงาน โชคดีพี่ที่ทำงานของเจ้าบ่าวไลน์มาบอกว่าฝนตกเส้นสุขุมวิท เราและเพื่อนๆ เลยไหวตัวทัน ออกวิ่งมาราธอนไปที่สยามสมาคมเพื่อหอบดอกไม้หนีฝนกัน ดอกไม้ก้อใหญ่ ฝนก็ตกหนัก เล่นเอาเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ให้ใช้พื้นที่ใต้ถุนเรือนไทยหลบฝน และพี่ รปภ.ยังมาช่วยกางร่มให้ดอกไม้เราด้วยค่ะ ดอกไม้เลยไม่เสียหาย และเราเลยได้ทำการติดตั้งตรงนั้น เพราะพอดีวันนั้นมีคนจัดงานแต่งค่ะเราจะเข้าเต็มพื้นที่ได้หลัง 4 ทุ่ม เราเลยต้องเซทงานกันแบบหลบๆ เพื่อไม่ไปรบกวนงานเค้า

สำหรับโครง Backdrop เราใช้โครงไม้ของทางสยามสมาคม ขนาด 1.05×2.4 เมตร มี 5 อันค่ะ ส่วนฐานรองเจ้าบ่าวออกแบบ แล้วสั่งผลิตลง PP Board ค่ะ ขั้นตอนการประกอบดอกไม้เราโชคดีได้เพื่อนๆ พี่ๆ มาช่วยกันเยอะค่ะ งานจึงสำเร็จออกมาได้ด้วยดี ทุกคนทำกันจนดึกเลย ถึงจะเหนื่อยกันมากแต่ก็สู้ไม่ถอยค่ะ สำหรับการติดตั้งสิ่งสำคัญที่ต้องใช้คือปืนกาว ลวด และโชคดีเราได้เทปกาว 2 หน้าอย่างเหนียวมาจากช่างที่มาส่ง PP Board สิ่งนี้ช่วยได้เยอะมากค่ะ เพราะมันติดแน่นจริงๆ

 

 

หลังจากฝนหยุด เพื่อนๆ เริ่มทยอยมากันแล้ว เราเอาแบบที่วางคร่าวๆ ในคอมมาเปิดดูแล้วเอาดอกไม้มาลองวางเรียงดูก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ช่วยกันขนมาแปะลง PP Borad ขั้นตอนการแปะ ถ้าดอกเล็กน้ำหนักเบาใช้เทปกาวอยู่ค่ะ แต่ถ้าดอกใหญ่น้ำหนักเยอะต้องติดเทปกาวรอบนึงก่อน แล้วใช้ลวดร้อยทะลุด้านหลังอีกทีเพื่อยึดให้อยู่ค่ะ สำหรับปืนกาวถ้าพื้นผิวเรียบๆ จะติดอยู่ค่ะ แต่ถ้าพื้นผิวขรุขระไม่เท่ากันหลุดแน่นอนค่ะ

หลังจากเราติดดอกไม้กับ PP Board แล้ว ขั้นตอนที่ยากต่อมาคือการยก PP Board ที่มีดอกไม้ติดไว้แล้วอย่างไรไม่ให้หักและดอกไม้หลุด เราต้องใช้คนจำนวนมากในการช่วยพยุง PP Board เพื่อนำเข้าไปติดกับโครงกล่องไม้ ลำบากมากจริงๆ ค่ะ ในการติด PP Board กับโครงกล่องไม้เราต้องอาศัยแรงผู้ชายในการปีนป่าย เราติดเทปกาวอย่างเหนียวรอบนึงก่อน แล้วขึงลวดอีกทีเพื่อให้แน่น จะบอกว่ามันยากและใช้เวลานานมากค่ะ เรา เจ้าบ่าว กับเพื่อนอีกเป็นสิบชีวิต ทำกันตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ช่วยกันไม่ได้พัก แต่เสร็จจริงๆ คือเที่ยงคืนค่ะ เล่นเอาตาโหลไม่ได้นอนเลย แต่ผลงานออกมาสุดยอดจริงๆ ค่ะ ต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนที่มาช่วยงานวันนั้นมากๆ ทุกคนมาด้วยใจจริงๆ เหนื่อยกันมาก ถ้าไม่ได้ทุกคนก็ไม่รู้งานนี้จะสำเร็จได้ยังไง ^^

 

 

จบภารกิจ backdrop เราก็ทำของตกแต่งในงานอื่นๆต่อเริ่มจาก ธงราว เรากับเจ้าบ่าวมองว่ามันเหมือนสร้างบรรยากาศให้ดูเป็นงานเทศกาลดี เราเลยจัดการไปเลือกซื้อผ้าที่สำเพ็ง-พาหุรัด กับเชือกสีขาวที่ร้านยงเจริญ ขายเป็นแพ็ค มีประมาณ 15 ม้วนเล็ก ยาวม้วนละประมาณ 8 เมตร เราเอาผ้ามาตัดเป็นสามเหลี่ยม ใช้ปืนกาวติดเชือก แน่นสุดๆ ไม่มีหลุดแน่นอน

 

 

และเราก็ทำดอกไม้ประดับโต๊ะตกแต่งเพิ่มเติม โดยเราลอง Search หาใน Google ไปเจอดอกไฮเดรนเยีย คือมันน่ารักมาก เปิดวิธีดูแล้วไม่ยากมาก แต่!!! ใช้เวลาเยอะมาก เริ่มแรกเราปริ้น Pattern แล้วลอกลายลงกระดาษ 100 ปอนด์ แล้วตัดออกเป็นดอกเล็กๆ ขั้นตอนนี้แทบจะระดมคนมาช่วยตัดเลยค่ะ เพราะดอกมันเล็กตัดยาก ที่สำคัญต้องใช้จำนวนมาก กว่าจะเสร็จมือแทบหงิกค่ะ 555 ซึ่งเรามาเห็นทีหลังว่าจริงมีเครื่องตัดกระดาษเป็นรูปดอกไฮเดรนเยียขายในเน็ตเลยค่ะราคา 700-800 บาท แต่เราทำเสร็จไปเรียบร้อยแล้วเลยไม่ได้สั่งซื้อมา ><” พอเราตัดดอกเสร็จ เราระบายสีลงดอกตามใจชอบด้วยสีน้ำรอให้แห้ง แล้วดัดกลีบให้โค้งงอ ติดกับก้านลวดที่ซื้อมาจากจตุจักร (มัดละ 10 บาท มี 100 เส้น) แล้วติดใบ (ซื้อจากจตุจักรเช่นกัน)

https://liagriffith.com/make-these-gorgeous-paper-hydrangeas/

 

 

นอกจากเรายังทำกล่องใส่เงินเองด้วย โดยใช้กล่อง double a ห่อกระดาษ แล้วตกแต่งตามใจชอบ เราเลือกใช้กระดาษสีน้ำตาลและเชือกป่านค่ะ เพราะมันเหลือจากการทำของชำร่วย (ประหยัดสุดฤทธิ์ 55)

 

 

เมื่อมีกล่องใส่ซองแล้วเราก็ต้องมีสมุดเซ็นอวยพร ซึ่งเราก็เน้นง่ายๆค่ะ ให้แขกเซ้นอวยพรเก็บไว้เป็นที่ระลึก เราเลยไปซื้อสมุดจากร้านสมใจเนี่ยแหละค่ะ เอาแบบกระดาษสีน้ำตาลให้เข้ากับสีกล่อง ส่วนหน้าปกเราแค่ปริ้นโลโก้แปะแค่นั้นค่ะ ซึ่งเรากับเจ้าบ่าวชอบนะคะ มันไม่ใหญ่เกินไปเก็บง่าย ที่สำคัญคือประหยัดมากค่ะ 555

 

 

และปิดท้ายด้วยการทำของรับไหว้งานเช้า ของชำร่วยขันหมาก และของชำร่วยงานเย็นเองทุกชิ้น สำหรับของรับไหว้ เรากับเจ้าบ่าวอยากได้ของที่คนรับไปแล้วไม่ทิ้ง มีประโยชน์ คิดอยู่นานมากจนมีวันนึงไปเจอเพจขายข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งร้านเค้าขายราคาส่ง และใกล้บ้านเรา เราเลยตกลงว่าข้าวเนี่ยแหละให้ผู้ใหญ่ดี กินดีมีประโยชน์ สำหรับ package เราเน้นเรียบๆง่ายๆ เลยใช้กระดาษสีน้ำตาลพันรอบถุงแล้วติดโลโก้ที่เจ้าบ่าวออกแบบ สำหรับของชำร่วยขันหมากเราทำแบบเดียวกันแต่เป็นไซส์เล็กกว่า

อันนี้เรามีแต่รูปของชำร่วยขันหมากนะคะ ตอนทำของรับไหว้ลืมถ่ายรูปมา ><“

 

 

สำหรับของชำร่วยงานเย็น ตอนแรกเราเดินดูหลายที่มากทั้งพาหุรัด สำเพ็ง จตุจักร มีของหลากหลายให้เลือกมากค่ะจนเราเลือกไม่ถูก เราเลยกลับมาตั้งหลักที่บ้าน มานั่งคิดกับเจ้าบ่าวว่ามีอะไรที่เรา 2 คนชอบตรงกันและสามารถทำเองได้ในราคาที่ถูกกว่าและได้แพคเกจตรงกับธีมงาน เราอยากได้เป็นของกิน ขนมหวานๆ ส่วนเจ้าบ่าวอยากได้เป็นของใช้ที่มีประโยชน์ แต่เรามัดมือชกค่ะ เราลองดูพวกน้ำผึ้ง แยมที่ทำแพคเกจเรียบร้อยแล้วมาเสนอเจ้าบ่าวพร้อมหว่านล้อมเต็มที่ สุดท้ายมาลงตัวที่แยม

โดยเราเลือกยี่ห้อ Bonne Maman เพราะขวดน่ารัก 555 คือฝาเป็นลายสก๊อตสีแดง ซึ่งตรงกับธีมงานเราพอดี (แต่ก็ไม่ได้โชว์ฝาอยู่ดีเพราะเราเอาผ้าห่ออีกที 555) เราไปค้นหาที่ขายอยู่นานมากจนไปเจอ บริษัทที่นำเข้ามาขายคือ KCG Corporation เราได้โทรติดต่อไปขอซื้อยกลัง และให้เค้ามาส่งให้ที่บ้าน สะดวกมาก ราคาก็ได้ถูกกว่าซื้อที่ห้างเนื่องจากเราซื้อเยอะค่ะ ส่วน Package เราไปเลือกซื้อผ้าที่สำเพ็ง-พาหุรัด โดยเน้นสีแดง น้ำเงิน แล้วเอามาตัดเป็นวงกลมห่อฝาแล้วผูกเชือกติด tag (เจ้าบ่าวออกแบบ) เราทำเองทั้งหมด 540 ชิ้น มือแหกเลยทีเดียว แรกๆยังไม่ชินมือ มีตัดเชือกยาวไปบ้างสั้นไปบ้าง เสียไปหลายอันกว่าจะลงตัว และรู้เทคนิคในการผูก จากนั้นเราซื้อกล่องไม้มาจากจตุจักรเอามาใส่ของชำร่วยไว้วางที่โต๊ะ เข้ากันฝุดๆ เลยค่ะ

 

 

ก่อนวันงาน 2 เดือนเราได้ติดต่อพี่ส้ม จากเพจ Delziduck’s Studio ให้วาดรูปให้ เรากะจะให้เป็นของขวัญวันแต่งงานเจ้าบ่าว เราส่งรูปตัวอย่างให้พี่ส้ม พร้อมรายละเอียดว่าอยากใส่อะไรเพิ่มเติมตรงไหนบ้าง พี่ส้มวาดให้ออกมาน่ารักมาก เจ้าบ่าวชอบมากๆ เรา 2 คนเลยคิดว่าน่าจะเอามาตั้งประดับในงานดีกว่าเก็บไว้เฉยๆ ซึ่งสุดท้ายเราเลือกเอามาวางที่โต๊ะของชำร่วย

https://www.facebook.com/delziduckstudio/?fref=ts

 

 

ในวันงานเราซื้อผ้ามาให้ทาง Catering งานเย็นปูโต๊ะของชำร่วยให้ และให้เพื่อนๆ ช่วยจัดโต๊ะซึ่งเพื่อนๆ จัดกันออกมาได้น่ารักมากๆ ค่ะ

 

 

สำหรับการ์ดแต่งงาน โลโก้งานแต่งงาน รวมถึงเวทีหลักในงาน เจ้าบ่าวเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด เพราะเจ้าบ่าวเป็น Graphic Designer เจ้าบ่าวเราทำออกมาได้แปลกตา กิ๊บเก๋มากๆค่ะ เค้าออกแบบแล้วติดต่อโรงพิมพ์เองทุกอย่างค่ะ สำหรับเวทีและป้ายโลโก้เราปริ้นลงบน PP Board ค่ะ แบบเดียวกับฐานที่รองดอกไม้กระดาษที่ใช้ทำแบ็คดรอป

 

 

สำหรับหนัง Presentation ในส่วนนี้เจ้าบ่าวก็เขียนบท ถ่ายทำและตัดต่อเองทั้งหมด ก็ใช้เวลาเริ่มต้นเขียนบทตั้งแต่ที่เราเริ่มตกลงแต่งงานกัน จนได้เริ่มเปิดกล้องครั้งแรกในเดือน ธันวาคม 2557 โดยมีเพื่อนๆมาช่วยแสดงและช่วยถ่าย ซึ่งเป็นหนัง Presentation ที่น่ารัก สนุกและฟินที่สุดเลยค่ะ มีคนชอบกันเยอะมาก หัวเราะขำน้ำตาไหล เจ้าบ่าวเป็นปลื้มจริงๆ

อันนี้เป็น link หนัง presentation ค่ะ
https://www.facebook.com/mustachestudiopage/videos/1672766386270379/

และอันนี้เป็นกระทู้ของเจ้าบ่าวเองที่รีวิวเรื่องหนัง Presentation แยกเอาไว้ค่ะ
http://m.pantip.com/topic/34461420

ภาพบรรยากาศตอนฉายหนังในงานค่ะ

 

 

และนี่คือส่วนของงาน DIY ทั้งหมด ที่คู่บ่าวสาวเค้าทุ่มสุดตัว แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะสาวๆ งานแต่งสุดเก๋ไก๋นี้ยังมีต่อ! ใครที่อยากมีงานแต่งในฝันแบบนี้ตามไปดูกันต่อที่นี่เลย! –> ไอเดียเจ๋ง! งานแต่ง DIY สไตล์ Carnival เนรมิตงานแต่งด้วยตัวเอง ใครๆ ก็ทำได้! Part 2

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก chinjung_rabbit เจ้าของกระทู้ใน Pantip.com และ Mustache Studio

 

ติดตาม women.truelife.com ได้ที่

FacebookTwitterInstagram

We are women’s best friend.

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี