รีเซต

โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร? รู้ทันอาการของโรคซึมเศร้า พร้อมวิธีรักษาโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร? รู้ทันอาการของโรคซึมเศร้า พร้อมวิธีรักษาโรคซึมเศร้า
Faii_Natnista
31 มกราคม 2564 ( 13:00 )
914

     “โรคซึมเศร้า” เกิดจากสารเคมีในสมองผิดปกติ ไม่ใช่ความอ่อนแอของใจ มาทำความเข้าใจและดูวิธีรับมือกับโรคซึมเศร้ากันค่ะ บอกเลยว่าเป็นได้ก็รักษาให้หายได้!

 

โรคซึมเศร้า (Depression)

 

     ในระยะหลังมานี้ เราจะเห็นข่าวการฆ่าตัวตายที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตที่พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด คิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเพียงอาการหรือสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วครู่ หลังจากได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจและสามารถรักษาได้ด้วยการให้กำลังใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคซึมเศร้ามีความรุนแรงกว่าที่คิด หากปล่อยไว้และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

 

 

     วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ จาก โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” เปิดเผยโดย นายแพทย์อดิศร มนูสาร อายุรแพทย์ โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เกี่ยวกับอาการเหล่านี้มาให้ได้ทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้าให้มากขึ้น และได้นำไปลองสังเกตคนใกล้ชิดกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องได้ทันท่วงที และป้องกันการฆ่าตัวตายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร?

     โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง อันเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง 3 ชนิด ได้แก่ ซีโรโตนิน (Serotonin) นอร์เอปิเนฟริน (Norepinephrine) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมไปถึงสุขภาพกาย มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม สารเคมีในสมอง สภาพแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูของพ่อแม่ อิทธิพลจากคนใกล้ชิด การเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ลักษณะนิสัย โดยเฉพาะคนที่อ่อนไหวง่าย คิดมาก มองโลกในแง่ลบ

 

 

อาการของโรคซึมเศร้า

     สำหรับอาการของโรคซึมเศร้าที่สังเกตได้ ได้แก่

  • มีอาการเศร้า หดหู่ ซึม
  • หงุดหงิด
  • โกรธง่าย
  • มีอารมณ์รุนแรง
  • เบื่อหน่าย หมดความสนใจในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เคยชอบมากๆ
  • นอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
  • เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป
  • เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ไม่มีพลัง
  • ไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรเลย
  • รู้สึกตัวเองไร้ค่า
  • ไม่มั่นใจในตัวเอง
  • โทษตัวเอง
  • มีความคิดทำร้ายตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย

     หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นอยู่เกือบตลอดเวลา เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 14 วัน ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

 

การตรวจวินิจฉัยโรคซึมเศร้า

     สามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติ สอบถามอาการและเรื่องราวจากผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิด หรือทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา เพื่อให้เข้าใจและแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคทางจิตเวชอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า ในบางรายที่สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีโรคทางร่างกายอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการที่พบ อาจมีการตรวจร่างกาย และส่งตรวจพิเศษที่จำเป็น

 

 

แนวทางการรักษาโรคซึมเศร้า

     แนวทางการรักษามีหลายวิธี ได้แก่

  • รักษาด้วยการใช้ยา โดยในปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้าถือเป็นยาที่ปลอดภัย ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ไม่ทำให้เกิดการติดยา และไม่ทำให้เกิดอาการมึนงงอย่างที่เข้าใจผิดกัน นอกจากนี้ควรกินยาตามที่แพทย์สั่ง และไม่ควรหยุดยาเองโดยเด็ดขาด
  • รักษาด้วยจิตบำบัดและการพูดคุยให้คำปรึกษา โดยแพทย์จะช่วยเหลือชี้แนะการมองปัญหาต่างๆ ในมุมมองใหม่ และแนวทางในการปรับตัว หรือแม้แต่การหาสิ่งที่ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายความทุกข์ใจลง
  • รักษาด้วยไฟฟ้า ในรายที่มีอาการรุนแรง
  • ฝึกคิดบวกให้ห่างไกลจากโรคซึมเศร้า
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยหากขาดสารอาหารบางอย่างไป เช่น โอเมก้า 3 วิตามินอี วิตามินซี วิตามินดี ทองแดง และธาตุเหล็ก อาจทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น
  • หมั่นออกกำลังกาย โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกัน 30 - 40 นาที
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
  • ควรหลีกเลี่ยงการนำตนเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจหดหู่
  • ควรหาเวลาออกไปทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีๆ สนุกสนาน ทำให้ตนเองรู้สึกมั่นใจและมีคุณค่า และได้ใช้เวลาร่วมกับคนอื่นๆ มากกว่าที่จะอยู่คนเดียว

 

 

วิธีรับมือเมื่อคนใกล้ตัวเป็นโรคซึมเศร้า

     หากคนใกล้ชิดมีอาการ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม และย้ำเตือนให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ระวังเรื่องการใช้คำพูดที่บั่นทอน ซ้ำเติม หรือดูเหมือนปัญหาของเขาเป็นเรื่องเล็ก เช่น เรื่องแค่นี้เอง คนอื่นยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ให้กำลังใจด้วยคำพูดดี เช่น ฉันอยู่ข้าง ๆ เธอนะ เธอยังมีฉันอยู่นะ พูดคุยแบบรับฟังโดยไม่ตัดสิน เป็นต้น แสดงออกผ่านการกระทำ เช่น กอด จับมือ เป็นต้น

     จะเห็นได้ว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ไม่ใช่ความอ่อนแอทางด้านจิตใจของผู้ป่วยแต่อย่างใด และไม่ใช่โรคประหลาด โรคนี้เป็นได้ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ป่วยไม่ต้องกลัวที่จะเข้ารับการรักษา เพราะยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่อาการก็จะยิ่งดีขึ้นเร็วเท่านั้น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก :

  • โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ สามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่เฟซบุ๊ก : Principal Healthcare Company

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง