รีเซต

แนน สาธิดา พรหมพิริยะ กับเสียงเล็กๆ ที่ดังไกลระดับโลก

แนน สาธิดา พรหมพิริยะ กับเสียงเล็กๆ ที่ดังไกลระดับโลก
Pookie Chan
14 พฤษภาคม 2558 ( 15:11 )
25.3K


 

     หากใครเคยได้ฟังเพลงประกอบละครเวที โหมโรง เดอะมิวสิคัล เชื่อว่าคงยากจะห้ามใจไม่ให้ล่องลอยไปตามเสียงๆ หนึ่งที่ช่างไพเราะเกินจะเอ่ยสมเนื้อร้อง และเสียงนั้นคือเสียงเดียวกันกับที่พา Women Society มาพูดคุยกับ แนน – สาธิดา พรหมพิริยะ หรือ ‘แม่โชติ’ เจ้าของเสียงแสนหวานสะกดใจคนนี้ ที่เต็มไปด้วยพลังไม่ธรรมดา เพราะเธอคือคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ชนะเลิศบนเวทีระดับโลกอย่าง World Championships of Performing Arts หรือ Olympics of the Performing Arts โดยกวาดมาได้ถึง 5 รางวัลเลยทีเดียวค่ะ

 

 

จุดเริ่มต้นของเสียงเล็กๆ ที่เปลี่ยนเส้นทางชีวิต


     อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยบอกว่า ‘ปลาว่ายน้ำเก่งมาก แต่หากคุณตัดสินความเก่งโดยให้มันปีนต้นไม้ มันจะแก่ตายไปพร้อมกับความเชื่อว่า ตัวมันไม่มีอะไรดีซักอย่าง’  

    ซึ่งใครเลยจะคิดว่าครั้งหนึ่ง นักร้องดีกรีระดับแชมป์คนนี้ กลับถูกมองว่าไม่เหมาะจะร้องเพลง!


     ถึงแม้จะรักการร้องเพลงแค่ไหน แต่เด็กหญิงแนนในวัยเด็กก็มักจะร้องผิดคีย์อยู่เสมอ และมีเสียงแหลมเล็กกว่าใครเพื่อน ทำให้คุณครูบอกว่าเธอคงไม่เหมาะกับการร้องเพลง จนเธอเชื่อว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และอายที่จะร้องเพลงมาตลอดแม้จะรักมากแค่ไหนก็ตาม


     จนกระทั่งวันหนึ่งที่เห็นรุ่นพี่ในคณะนิติศาสตร์ ชนะการประกวด CU Singing Contest ประกอบกับเธอต้องเรียนว่าความ เธอจึงตัดสินใจเรียนร้องเพลงจริงจังเพื่อหวังว่าเสียงเล็กๆ ของเธอจะใหญ่และมีพลังมากขึ้น โดยไม่คิดเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปโดยสิ้นเชิง


     ‘แนนเคยหลงทางนะว่า เอ๊ะ! หรือเราจะต้องร้องให้เสียงทรงพลังแบบพ่นไฟได้ (หัวเราะ) คือตามกระแสนิยมว่าจะต้องมีพาวเวอร์เยอะๆ พอเรียนแล้วทำให้รู้ว่าธรรมชาติของคนเรามันมีหลายชนิดเสียง นักร้องที่เสียงแบบเราก็มี เลยทำให้เรายอมรับในธรรมชาติเสียงของตัวเอง ที่ผ่านมาเสียงเราบางเป็นเพราะเราใช้แต่เสียงลม ซึ่งจริงๆ แล้วมันสามารถฝึกให้หนักขึ้น มีแรงมากขึ้นได้ค่ะ พอเรียนไปก็อยากมีเป้าหมายให้ตัวเองเลยลงประกวด CU Singing Contest ซึ่งก็ชนะเลิศมาแบบงงๆ เพราะเพิ่งเริ่มเรียนร้องเพลงและไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ ทำให้ได้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้ จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง’ 

 

 

 
 
 

เสียงเล็กๆ ที่ดังไกลถึงเวทีโลก

 

     ‘โอกาสสำคัญอีกอันในชีวิตคือการไปแข่ง World Championships of Performing Arts สาเหตุที่ไปเพราะว่า มีนักเรียนร้องเพลงหลายคนของแนนที่ไปแข่งตามเวทีต่างๆ ทั้ง The Star และ AF ทุกครั้งแนนก็จะให้กำลังใจว่า เราหาเวทีเพื่อเป็นการวางเป้าหมาย เพื่อให้เรามีไฟในการพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่เพื่อแข่งกับใคร อย่างน้อยที่เราก้าวเดินออกไปเราก็ก้าวไปไกลขึ้น อย่าไปกลัวที่จะเข้าสู่เวทีพรุ่งนี้ แต่แค่พูดอย่างเดียวมันก็คงลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก พอได้ยินข่าวการเวทีประกวดที่อเมริกาก็เลยไปสมัครดู จะได้ทำตามสิ่งที่พูดกับเด็กๆ ด้วยค่ะ’


     แต่หนทางกลับไม่ง่าย เพราะประเทศไทยไม่มีหน่วยงานคัดเลือกอย่างเป็นทางการ เธอจึงไม่สามารถลงสมัครได้ แม้จะใช้ความพยายามถึง 2 ปีเต็ม จนกระทั่งกองประกวดเปิดโอกาสให้เธอสมัครในฐานะผู้ที่เคยได้รางวัลจากการประกวดชิงแชมป์ประเทศไทยของกรมประชาสัมพันธ์ เธอก็ไม่ทำให้ชาวไทยต้องผิดหวัง ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศถึง 5 สาขาด้วยกัน 


     จากวันนั้น จึงเปิดทางให้ชื่อของแนน สาธิดาได้โลดแล่นอยู่ในเส้นทางสายดนตรีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงประกอบละคร ออกอัลบั้ม จนกระทั่งถึงละครเวที ‘ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล’ ที่เธอไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ทำ แต่ก็ประสบความสำเร็จด้วยดี แม้ว่าเธอจะไม่เคยแสดงละครเวทีมาก่อนเลย 

 

 

เสียงในใจ ที่ทำให้เดินตามความฝัน


     แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตยังไม่จบแค่นั้น เมื่อสามีต้องไปทำงานที่สวิตเซอร์แลนด์นานถึง 3 ปี เธอจึงต้องตัดสินใจที่จะบินตามไปเพื่อทำหน้าที่ภรรยาและแม่อย่างเต็มตัว

 

     ‘ตอนนั้นแนนไปออดิชั่นละครเวทีเรื่องหนึ่ง ผลออกมาคือไม่ติด ก็เลยตัดสินใจย้ายตามสามีไปเพราะช่วงนั้นงานก็เงียบๆ แล้ว แต่ชีวิตก็ตลกตรงที่ว่า วันที่แนนตัดสินใจว่าพอแล้ว แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว กลับมีละครเวทีโหมโรงเดอะมิวสิคัลติดต่อเข้ามา ทำให้เราคิดหนักเพราะตอนนี้ลูกยังเล็ก และเค้าก็ต้องการพ่อกับแม่มากๆ มันจะคุ้มหรือเปล่ากับการเอาเวลาตรงนี้ไปทำงาน

 

 

 

แนน สาธิดา กับลูกชาย ‘น้องโซนิค’
 
 

     แต่สามีก็สนับสนุนแนนมาก เพราะเค้าเห็นแนนสู้มาตลอด ตั้งแต่ตอนที่แนนเปลี่ยนสายจากเรียนกฎหมายมาเป็นครูสอนร้องเพลง หาเงินเอง เดินสายประกวดเอง เค้าบอกว่า นี่ไง! แนนจะได้สอนลูกให้ลูกเห็นว่า เวลาที่เราคิดว่าเราไม่มีโอกาสแล้วล่ะ เราทำไม่ได้แล้วล่ะ บางทีมันยังมีอยู่นะ บางทีเราแค่คิดไปเองว่าเราหมดโอกาสแล้ว ขอแค่อย่าเลิกสู้ ถ้าวันนึงลูกโตขึ้นแล้วเห็นว่าแม่เค้าไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกนะ แนนก็เลยตัดสินใจรับงาน แต่มีเวลาเหลือเท่าไหร่ก็ทุ่มให้ลูกอย่างเต็มที่ และก็ให้ลูกคุยกับคุณพ่อผ่านเน็ตตลอด พอสามีกลับมาเยี่ยมบ้านลูกก็ยังสนิทกับคุณพ่อเหมือนไม่เคยห่างกันเลยค่ะ’

 

 

 

     ‘แนนรู้สึกโชคดีมาก ที่ได้รับพลังดีๆ จากคนรอบข้างค่ะ อย่างการแสดงเรื่องโหมโรง ทุกคนสุดยอดมาก มีการแสดงรอบนึง ช่วงเพลงหลักของพ่ออี๊ด สุประวัติ จู่ๆ สัญญาณของไมค์ก็ขัดข้องทำให้เสียงหายไป แล้วแนนก็ได้เห็นสปิริตของศิลปินแห่งชาติท่านนี้ ทั้งที่ท่านอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีส่งไปถึงคนดู วงดนตรีก็ช่วยเล่นดนตรีให้แผ่วเบาลงไปเพื่อจะช่วยรับเสียงแต่ไม่กลบเสียงพ่อ จนคนที่นั่งหลังๆ ก็ยังได้ยินเสียงร้องชัดเจน แนนรู้สึกว่านี่ล่ะ เดอะมิวสิคัล คือมันไม่ได้เกิดจากคนๆ เดียว แต่มันเกิดจากกลุ่มคนมากมาย ทั้งผู้กำกับ นักแสดง ทีมงาน แม้กระทั่งคนที่เตรียมอาหารให้เรา ไฟแต่ละดวงที่มันส่องมาถึงเรา มันต้องใช้คนเยอะมาก และมันเป็นเสน่ห์ของละครเดอะมิวสิคัลที่ทุกอย่างมันมาบรรจบกันในจุดๆ นึงเพื่อส่งมอบให้กับคนดู  



     พอจบรอบนั้นคนดูก็ยืนขึ้นปรบมือนานมาก จนแนนขนลุกเลยค่ะ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมากจริงๆ ทำให้แนนรู้สึกว่าต่อจากนี้ถ้าจะมีอะไรหนักๆ เข้ามาแนนก็ไม่กลัวแล้วค่ะ เพราะแนนได้เห็นแล้วว่ามีคนที่เค้าต้องทุ่มเทหนักมากแค่ไหน แต่เค้าก็สู้ และไม่เคยยอมแพ้เลย’




‘เสียงไกลไกล เสียงนั้นเสียงหนึ่งที่นำฉันมา

ราวจะกระซิบว่า ให้ฉันก้าวเดินไปตามหัวใจ

เสียงกังวาน หวานแว่วดังแผ่วละมุนละไม

เป็นเสียงจากที่ใดหรือ จากข้างในช่างไพเราะเกินจะเอ่ย’



     สำหรับแนน สาธิดา เสียงเพลงที่ร้องออกจากใจคือเสียงที่นำทางเธอมาอยู่จุดนี้ได้ แต่หากใครยังหลงทางหาเสียงนั้นไม่เจอ ลองก้มลงฟังที่หัวใจของตัวเองดูสิคะ Women Society เชื่อว่าคุณจะได้ยินเสียงนั้นแน่นอน

 

 

 ขอบคุณภาพจาก Fanpage Nan Sathida Prompiriya

 

 

ติดตาม women.truelife.com ได้อีกช่องทางที่


  Facebook    Twitter  

 

we are women’s best friend  คลิกที่ http://women.truelife.com


บทความที่เกี่ยวข้อง