รีเซต

8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568 ลด PM2.5 ในบ้าน ลดป่วยภูมิแพ้ ราคาคุ้มค่า

8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568 ลด PM2.5 ในบ้าน ลดป่วยภูมิแพ้ ราคาคุ้มค่า
BeauMonde
27 มกราคม 2568 ( 17:19 )
14.8K

     ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น เครื่องฟอกอากาศ กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทุกบ้าน หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอาจกำลังสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนจะใช้ดี ในปี 2568 วันนี้เราจะมาช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเราได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศคุณภาพเยี่ยมที่เหมาะสำหรับการกำจัดฝุ่น PM2.5 แถมมาพร้อมกับฟังก์ชันล้ำสมัย แต่จะมียี่ห้อไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 

 

เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับคุณ?

พิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:

  • ขนาดห้องและพื้นที่ใช้งาน
  • งบประมาณที่มี
  • ฟีเจอร์พิเศษที่ต้องการ
  • ค่าไส้กรองและการบำรุงรักษา
  • การรับประกันและบริการหลังการขาย

 

 

8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568

 

1. Xiaomi Air Purifier 4 Pro

 

 

     Xiaomi Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน กำจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย CADR สูงถึง 500 ลบ.ม./ชม. และฟิลเตอร์ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นและแบคทีเรียได้ถึง 99.97% อีกทั้งยังรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วย

ข้อดี:

  • ราคาคุ้มค่า

  • ฟังก์ชันควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน

  • ประหยัดพลังงาน

 

2. Sharp FP-J80TA-W 

 

 

     Sharp FP-J80TA-W ใช้เทคโนโลยี Plasmacluster ที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยยับยั้งเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตร.ม. ฟังก์ชันโหมด Haze ช่วยจัดการฝุ่น PM2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อดี:

  • เทคโนโลยี Plasmacluster เฉพาะตัว

  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่

  • ฟิลเตอร์ใช้งานได้นาน

 

3. Dyson Purifier Cool TP09

 

 

     Dyson Purifier Cool TP09 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องฟอกอากาศ แต่ยังทำหน้าที่เป็นพัดลมที่ช่วยกระจายอากาศอย่างทั่วถึง ดีไซน์ทันสมัยและไร้ใบพัด ตัวเครื่องมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และรองรับการควบคุมผ่านแอป Dyson Link

ข้อดี:

  • ดีไซน์ล้ำสมัย

  • ฟังก์ชัน 2-in-1

  • การควบคุมอัจฉริยะ

 

4. Samsung BLUE SKY AX3300

 

 

     Samsung BLUE SKY AX3300 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้านขนาดเล็กถึงกลาง มี CADR ที่เหมาะสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 40 ตร.ม. ระบบกรอง 3 ชั้นช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5, สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฟังก์ชันการทำงานเงียบและดีไซน์ทันสมัยทำให้เหมาะกับทุกมุมของบ้าน

ข้อดี:

  • ดีไซน์เรียบหรู

  • ระบบกรอง 3 ชั้น

  • ราคาคุ้มค่า

 

5. Philips AC2887/20

 

 

     Philips AC2887/20 ใช้เทคโนโลยี VitaShield และฟิลเตอร์ HEPA ที่ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางถึง 79 ตร.ม. พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ

ข้อดี:

  • เทคโนโลยีการกรองอากาศขั้นสูง

  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่

  • ระบบตรวจจับอากาศอัจฉริยะ

 

6. Coway Lombok III

 

 

     Coway Lombok III โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบาง ไม่กินพื้นที่ ฟังก์ชันการกรอง 6 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 สารเคมี และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับห้องขนาด 40-50 ตร.ม.

ข้อดี:

  • ดีไซน์กะทัดรัด

  • ระบบกรอง 6 ขั้นตอน

  • ประหยัดพลังงาน

 

7. LG PuriCare 360°

 

 

     LG PuriCare 360° มีจุดเด่นที่การกระจายอากาศรอบทิศทางและฟิลเตอร์ที่ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.99% รองรับการควบคุมผ่านแอป SmartThinQ และมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียม

ข้อดี:

  • ระบบกระจายอากาศ 360°

  • การควบคุมผ่านแอป

  • ฟิลเตอร์คุณภาพสูง

 

8. Hatari SMART AIR PLUS

 

 

     Hatari SMART AIR PLUS เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการคุณภาพ ระบบกรอง 4 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-40 ตร.ม.

ข้อดี:

  • ราคาประหยัด

  • ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน

  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

 

คำแนะนำตามงบประมาณ:

งบต่ำกว่า 5,000: Hatari SMART AIR PLUS
งบ 5,000-10,000: Xiaomi Air Purifier 4 Pro
งบ 10,000-20,000: Sharp FP-J80TA-W หรือ Coway Lombok III
งบ 20,000 ขึ้นไป: Dyson TP09 หรือ LG PuriCare 360°

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี