รีเซต

9 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568 ลด PM2.5 ในบ้าน ลดป่วยภูมิแพ้ ราคาคุ้มค่า

9 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568 ลด PM2.5 ในบ้าน ลดป่วยภูมิแพ้ ราคาคุ้มค่า
BeauMonde
22 ตุลาคม 2568 ( 10:15 )
37.1K
2

     ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น เครื่องฟอกอากาศ กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทุกบ้าน หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอาจกำลังสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนจะใช้ดี ในปี 2568 วันนี้เราจะมาช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเราได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศคุณภาพเยี่ยมที่เหมาะสำหรับการกำจัดฝุ่น PM2.5 แถมมาพร้อมกับฟังก์ชันล้ำสมัย แต่จะมียี่ห้อไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 

 

เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับคุณ?

พิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:

  • ขนาดห้องและพื้นที่ใช้งาน
  • งบประมาณที่มี
  • ฟีเจอร์พิเศษที่ต้องการ
  • ค่าไส้กรองและการบำรุงรักษา
  • การรับประกันและบริการหลังการขาย

 

 

9 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568

 

1. Atmosphere SKY by Amway

 

 

     เครื่องฟอกอากาศ Atmosphere SKY by Amway ตัวช่วยอากาศสะอาดของคนรักครอบครัว! เพราะแอทโมสเฟียร์เป็นเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง แถมยังช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่นอนหลับไม่สนิท ผ่านการรับรองจาก Sleep Score Labs ด้วยระบบกรองอากาศที่ล้ำสมัย ซึ่งกรอง PM2.5 ได้สบายๆ นอกจากนั้นยังสามารถดักจับสารเคมีอันตราย และไวรัสอื่นๆ ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสโคโรนา, ไวรัส Covid-19, ควันบุหรี่, ฝุ่นละออง, แบคทีเรีย, สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ไปจนถึงมลภาวะต่างๆ เป็นเครื่องกรองอากาศที่กรองได้ละเอียดและครบที่สุด ณ ปัจจุบัน โดยที่ไม่มีเสียงรบกวนขณะนอนหลับ สำหรับห้องขนาด 43 ตารางเมตร

ข้อดี:

  • มอเตอร์คุณภาพสูงจากเยอรมนี ทนทาน
  • เทคโนโลยีการกรอง 3 ระดับ กรองหยาบ (ถอดออกมาล้างได้) กรองฝุ่น (ใช้ได้ 3-5 ปี) และกรองกลิ่น (ใช้ได้ 1-3 ปี)
  • ควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชัน มีระบบการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรอง
  • รับประกันความพึงพอใจ 90 วัน / รับประกันคุณภาพ 5 ปี

 

2. Xiaomi Air Purifier 4 Pro

 

 

     Xiaomi Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน กำจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย CADR สูงถึง 500 ลบ.ม./ชม. และฟิลเตอร์ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นและแบคทีเรียได้ถึง 99.97% อีกทั้งยังรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วย

ข้อดี:

  • ราคาคุ้มค่า
  • ฟังก์ชันควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
  • ประหยัดพลังงาน

 

3. Sharp FP-J80TA-W 

 

 

     Sharp FP-J80TA-W ใช้เทคโนโลยี Plasmacluster ที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยยับยั้งเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตร.ม. ฟังก์ชันโหมด Haze ช่วยจัดการฝุ่น PM2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม

ข้อดี:

  • เทคโนโลยี Plasmacluster เฉพาะตัว
  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
  • ฟิลเตอร์ใช้งานได้นาน

 

4. Dyson Purifier Cool TP09

 

 

     Dyson Purifier Cool TP09 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องฟอกอากาศ แต่ยังทำหน้าที่เป็นพัดลมที่ช่วยกระจายอากาศอย่างทั่วถึง ดีไซน์ทันสมัยและไร้ใบพัด ตัวเครื่องมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และรองรับการควบคุมผ่านแอป Dyson Link

ข้อดี:

  • ดีไซน์ล้ำสมัย
  • ฟังก์ชัน 2-in-1
  • การควบคุมอัจฉริยะ

 

5. Samsung BLUE SKY AX3300

 

 

     Samsung BLUE SKY AX3300 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้านขนาดเล็กถึงกลาง มี CADR ที่เหมาะสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 40 ตร.ม. ระบบกรอง 3 ชั้นช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5, สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฟังก์ชันการทำงานเงียบและดีไซน์ทันสมัยทำให้เหมาะกับทุกมุมของบ้าน

ข้อดี:

  • ดีไซน์เรียบหรู
  • ระบบกรอง 3 ชั้น
  • ราคาคุ้มค่า

 

6. Philips AC2887/20

 

 

     Philips AC2887/20 ใช้เทคโนโลยี VitaShield และฟิลเตอร์ HEPA ที่ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางถึง 79 ตร.ม. พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ

ข้อดี:

  • เทคโนโลยีการกรองอากาศขั้นสูง
  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
  • ระบบตรวจจับอากาศอัจฉริยะ

 

7. Coway Lombok III

 

 

     Coway Lombok III โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบาง ไม่กินพื้นที่ ฟังก์ชันการกรอง 6 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 สารเคมี และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับห้องขนาด 40-50 ตร.ม.

ข้อดี:

  • ดีไซน์กะทัดรัด
  • ระบบกรอง 6 ขั้นตอน
  • ประหยัดพลังงาน

 

8. LG PuriCare 360°

 

 

     LG PuriCare 360° มีจุดเด่นที่การกระจายอากาศรอบทิศทางและฟิลเตอร์ที่ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.99% รองรับการควบคุมผ่านแอป SmartThinQ และมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียม

ข้อดี:

  • ระบบกระจายอากาศ 360°
  • การควบคุมผ่านแอป
  • ฟิลเตอร์คุณภาพสูง

 

9. Hatari SMART AIR PLUS

 

 

     Hatari SMART AIR PLUS เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการคุณภาพ ระบบกรอง 4 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-40 ตร.ม.

ข้อดี:

  • ราคาประหยัด
  • ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน
  • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

 

คำแนะนำตามงบประมาณ:

  • งบต่ำกว่า 5,000: Hatari SMART AIR PLUS
  • งบ 5,000-10,000: Xiaomi Air Purifier 4 Pro
  • งบ 10,000-20,000: Sharp FP-J80TA-W หรือ Coway Lombok III
  • งบ 20,000 ขึ้นไป: Dyson TP09 หรือ LG PuriCare 360°

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี