8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568 ลด PM2.5 ในบ้าน ลดป่วยภูมิแพ้ ราคาคุ้มค่า
ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น เครื่องฟอกอากาศ กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทุกบ้าน หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอาจกำลังสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนจะใช้ดี ในปี 2568 วันนี้เราจะมาช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเราได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศคุณภาพเยี่ยมที่เหมาะสำหรับการกำจัดฝุ่น PM2.5 แถมมาพร้อมกับฟังก์ชันล้ำสมัย แต่จะมียี่ห้อไหนตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
เลือกเครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะกับคุณ?
พิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:
- ขนาดห้องและพื้นที่ใช้งาน
- งบประมาณที่มี
- ฟีเจอร์พิเศษที่ต้องการ
- ค่าไส้กรองและการบำรุงรักษา
- การรับประกันและบริการหลังการขาย
8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2568
1. Xiaomi Air Purifier 4 Pro
Xiaomi Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมดีไซน์เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน กำจัดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย CADR สูงถึง 500 ลบ.ม./ชม. และฟิลเตอร์ HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นและแบคทีเรียได้ถึง 99.97% อีกทั้งยังรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนด้วย
ข้อดี:
ราคาคุ้มค่า
ฟังก์ชันควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
ประหยัดพลังงาน
2. Sharp FP-J80TA-W
Sharp FP-J80TA-W ใช้เทคโนโลยี Plasmacluster ที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยยับยั้งเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตร.ม. ฟังก์ชันโหมด Haze ช่วยจัดการฝุ่น PM2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม
ข้อดี:
เทคโนโลยี Plasmacluster เฉพาะตัว
เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
ฟิลเตอร์ใช้งานได้นาน
3. Dyson Purifier Cool TP09
Dyson Purifier Cool TP09 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องฟอกอากาศ แต่ยังทำหน้าที่เป็นพัดลมที่ช่วยกระจายอากาศอย่างทั่วถึง ดีไซน์ทันสมัยและไร้ใบพัด ตัวเครื่องมาพร้อมเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และรองรับการควบคุมผ่านแอป Dyson Link
ข้อดี:
ดีไซน์ล้ำสมัย
ฟังก์ชัน 2-in-1
การควบคุมอัจฉริยะ
4. Samsung BLUE SKY AX3300
Samsung BLUE SKY AX3300 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้านขนาดเล็กถึงกลาง มี CADR ที่เหมาะสำหรับพื้นที่ไม่เกิน 40 ตร.ม. ระบบกรอง 3 ชั้นช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5, สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ฟังก์ชันการทำงานเงียบและดีไซน์ทันสมัยทำให้เหมาะกับทุกมุมของบ้าน
ข้อดี:
ดีไซน์เรียบหรู
ระบบกรอง 3 ชั้น
ราคาคุ้มค่า
5. Philips AC2887/20
Philips AC2887/20 ใช้เทคโนโลยี VitaShield และฟิลเตอร์ HEPA ที่ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางถึง 79 ตร.ม. พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ
ข้อดี:
เทคโนโลยีการกรองอากาศขั้นสูง
เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
ระบบตรวจจับอากาศอัจฉริยะ
6. Coway Lombok III
Coway Lombok III โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบาง ไม่กินพื้นที่ ฟังก์ชันการกรอง 6 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 สารเคมี และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับห้องขนาด 40-50 ตร.ม.
ข้อดี:
ดีไซน์กะทัดรัด
ระบบกรอง 6 ขั้นตอน
ประหยัดพลังงาน
7. LG PuriCare 360°
LG PuriCare 360° มีจุดเด่นที่การกระจายอากาศรอบทิศทางและฟิลเตอร์ที่ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.99% รองรับการควบคุมผ่านแอป SmartThinQ และมีดีไซน์ที่ดูพรีเมียม
ข้อดี:
ระบบกระจายอากาศ 360°
การควบคุมผ่านแอป
ฟิลเตอร์คุณภาพสูง
8. Hatari SMART AIR PLUS
Hatari SMART AIR PLUS เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการคุณภาพ ระบบกรอง 4 ขั้นตอนช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-40 ตร.ม.
ข้อดี:
ราคาประหยัด
ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน
เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก
คำแนะนำตามงบประมาณ:
งบต่ำกว่า 5,000: Hatari SMART AIR PLUS
งบ 5,000-10,000: Xiaomi Air Purifier 4 Pro
งบ 10,000-20,000: Sharp FP-J80TA-W หรือ Coway Lombok III
งบ 20,000 ขึ้นไป: Dyson TP09 หรือ LG PuriCare 360°
บทความที่คุณอาจสนใจ
- รวม 10 หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ดี มีประสิทธิภาพในการกรอง ของมันต้องมีติดตัวแล้ว!
- 9 ไอเท็มป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่ต้องมีติดบ้าน ติดตัวไว้ ปลอดภัยชัวร์!