7 อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงผิว แถมลดเสี่ยงโรคร้าย
อนุมูลอิสระเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ตามมาได้ ดังนั้นการกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ก็จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรง อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังส่งผลดีต่อผิวพรรณ ช่วยชะลอวัย ใครอยากสวยสุขภาพดีท้าอายุมาก แนะนำให้กินอาหาร 7 อย่างนี้เลยค่ะ!
1. ถั่วพีแคน
ถั่วพีแคน เป็นแหล่งของไขมันดี แร่ธาตุต่างๆ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ กินแล้วสามารถช่วยเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดได้ ในขณะที่จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ ไขมันเลวในร่างกาย ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เนื่องจากหากร่างกายมีระดับไขมันเลวสูง ก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้นั่นเอง โดยถั่วพีแคน 100 กรัม จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ 10.6 มิลลิโมล (mmol) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าถั่วพีแคนจะมีไขมันดี แต่ก็มีแคลอรี่ที่สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรกินในปริมาณที่เหมาะด้วยนะคะ
2. บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ 100 กรัม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 9.2 มิลลิโมล (mmol) โดยสารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รี่ เรียกว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีส่วนช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ ไขมันเลวได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีการวิจัยในสัตว์พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รี่อาจมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของสมองเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
3. สตรอว์เบอร์รี่
สตรอว์เบอร์รี่ เป็นแหล่งของวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งแอนโทไซยานินนั้นมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โดยการเข้าไปลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ ไขมันเลว และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี หรือ ไขมันดีให้กับร่างกาย ซึ่งสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ที่ 5.4 มิลลิโมล (mmol) ค่ะ
4. อาร์ติโชค
อาร์ติโชค (Artichoke) เป็นแหล่งของไฟเบอร์ แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า กรดคลอโรจีนิค (Chlorogenic acid) โดยอาร์ติโชค 100 กรัม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ที่ 4.7 มิลลิโมล (mmol) ซึ่งกรดคลอโรจีนิคนั้นมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อีกด้วย โดยหากอยากให้ได้รับปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระมาก แนะนำให้กินอาร์ติโชคแบบนึ่ง ตามมาด้วยการต้ม ในขณะที่การทอดจะทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในอาร์ติโชคลดลงค่ะ
5. ราสเบอร์รี่
ราสเบอร์รี่ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซี แมงกานีส และสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) โดยราสเบอร์รี่ 100 กรัม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ที่ 4 มิลลิโมล (mmol) ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระในราสเบอร์รี่นั้นมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงโรคมะเร็งได้ โดยจะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ และเต้านม โดยเฉพาะราสเบอร์รี่สีดำที่มีส่วนช่วยยับยั้งผลกระทบของมะเร็งหลายชนิดได้ดีค่ะ
6. ผักเคล
ผักเคล มีวิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) โดยสารต้านอนุมูลอิสระในผักเคล 100 กรัม จะอยู่ที่ 2.7 มิลลิโมล (mmol) โดยเฉพาะผักเคลสีแดง พันธุ์รัสเซีย ที่เรียกได้ว่ามีแอนโทไซยานินสูงกว่าพันธุ์อื่นๆ นอกจากนั้นผักเคลยังเป็นแหล่งของแคลเซียมที่ดีต่อสุขภาพกระดูกของเราอีกด้วยค่ะ
7. กะหล่ำปลีม่วง
กะหล่ำปลีม่วง (Red cabbage) เรียกได้ว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่ากะหล่ำปลีพันธุ์อื่นๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยกะหล่ำปลีม่วง 100 กรัม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ที่ 2.2 มิลลิโมล (mmol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) มีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจ และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด อีกทั้งกะหล่ำปลีม่วงยังมีวิตามินซี ซึ่งก็มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีเช่นกัน รวมถึงยังดีต่อผิวพรรณและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนั้นกะหล่ำปลีม่วงยังอุดมไปด้วยวิตามินเคและวิตามินเอที่ดีต่อร่างกาย โดยหากอยากให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมาก แนะนำให้กินกะหล่ำปลีม่วงแบบต้มหรือผัดค่ะ ในขณะที่การนึ่งจะเป็นการลดปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระลงได้
บทความที่คุณอาจสนใจ