7 อาหารสังกะสีสูง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดผมร่วง ช่วยสร้างคอลลาเจน
การที่จะมีสุขภาพที่ดีได้ จำเป็นต้องมีการบริโภคอาหารที่ดี โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี เพราะสังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญและช่วยปรับการทำงานของร่างกายให้สมบูรณ์สารอาหารชนิดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยรักษาบาดแผล การขาดธาตุสังกะสีอาจทำให้ร่างกายเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น ภูมิคุ้มกันตก ติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ผมร่วง และขาดสมาธิในการทำงาน
ประโยชน์ของธาตุสังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่พบได้ในเซลล์ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในเซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันจะยิ่งต้องการธาตุสังกะสีอย่างมากเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม แร่ธาตุสังกะสียังมีส่วนช่วยให้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นและรสเป็นไปอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้แร่ธาตุชนิดนี้ยังช่วยในการผลิตเอนไซม์อีกหลายชนิดในร่างกาย ช่วยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดผลกระทบจากอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่เข้ามาทำลายสุขภาพ ช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นองค์ประอบสำคัญในการช่วยสมานแผล
ที่สำคัญกว่านั้น สังกะสีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในระหว่างการตั้งครรภ์ และในวัยทารกหรือวัยเด็กก็ต้องการแร่ธาตุชนิดนี้เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม
ถึงแม้สังกะสีจะเป็นสารอาหารรองที่ร่างกายไม่ได้ต้องการมาก แต่หากร่างกายขาดไปก็จะส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรับแร่ธาตุสังกะสีให้เพียงพอ ซึ่งการที่จะรับธาตุนี้ได้อย่างเพียงพอ ก็ควรต้องมาจากการรับประทานอาหารที่มีสังกะสีสูงค่ะ
7 อาหารสังกะสีสูง
1. เมล็ดฟักทอง
เมล็ดฟักทอง 64 กรัม มีสังกะสี 6.6 มิลลิกรัม ในเมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ที่ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในสตรีวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้เมล็ดฟักทองยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้สุขภาพของเราดีขึ้นได้ด้วย
2. ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ต 156 กรัม มีสังกะสี 6.2 มิลลิกรัม ข้าวโอ๊ตถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกอาหารเช้ายอดนิยมที่สุด สารอาหารที่สำคัญที่สุดในข้าวโอ๊ตคือเบต้ากลูแคนซึ่งเป็นสารที่สามารถช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยที่ละลายน้ำได้ ซึ่งเส้นใยชนิดนี้จะช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้
3. หอยนางรม
หอยนางรมปริมาณ 100 กรัม จะให้สังกะสีประมาณ 16.6 มิลลิกรัม แต่นอกจากสังกะสีแล้ว หอยนางรมยังอุดมไปด้วยโปรตีนซึงมีมากถึง 9.45 กรัม เท่านั้นยังไม่พอหอยนางรมยังมีวิตามินซีสูงถึง 8 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 15% ของความต้องการวิตามินซีต่อวัน วิตามินซีดีต่อภูมิคุ้มกันในขณะที่โปรตีนดีต่อกล้ามเนื้อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
4. เมล็ดงา
เมล็ดงา 100 กรัม ให้สังกะสีประมาณ 7.8 มิลลิกรัม นอกจากนี้เมล็ดงายังเป็นแหล่งที่ดีของไฟโตเสตอรอล (Phytosterol) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และสารอีกชนิดหนึ่งในเมล็ดงาที่เรียกว่าเซซามิน ก็สามารถช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น นอกจากนี้ในเมล็ดงายังมีโปรตีนสูงซึ่งดีต่อสุขภาพโดยรวม
5. เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์ 168 กรัม ให้แร่ธาตุสังกะสี 7.3 มิลลิกรัม มีไฟเบอร์มากกว่า 30 กรัม และมีโปรตีนมากกว่า 20 กรัม เมล็ดแฟลกซ์ยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและรักษาโรคข้ออักเสบและโรคลำไส้อักเสบ รวมถึงยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายต่อร่างกาย
6. ไข่แดง
ไข่แดง 243 กรัม มีสังกะสี 5.6 มิลลิกรัม ไข่แดงอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีและวิตามินเค ไข่แดงยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และที่สำคัญกว่านั้น ไข่แดงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเพิ่มบำรุงสายตาและการมองเห็น
7. ปู
เนื้อปูปริมาณ 85 กรัม มีสังกะสี 3.1 มิลลิกรัม และเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ ปูก็เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีต่อร่างกายเช่นกัน และยังเป็นแหล่งวิตามินบี12 ที่ดี ซึ่งช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง นอกจากนี้วิตามินบี12 ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อีกด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ