รีเซต

วัยไหน ควรกินวิตามินผิวอะไร เลือกวิตามินถูกกับวัย ผิวดีขึ้น ไม่ต้องง้อคลินิก

วัยไหน ควรกินวิตามินผิวอะไร เลือกวิตามินถูกกับวัย ผิวดีขึ้น ไม่ต้องง้อคลินิก
EditorPom
30 สิงหาคม 2567 ( 13:45 )
214
     อยากมีผิวสวย เนียนใส ต้องบำรุงทั้งภายนอกและภายใน แต่การทานอาหารที่มี วิตามินผิว กลับกลายเป็นเรื่องยากสำหรับคนเวลาน้อย การกินวิตามินบำรุงผิวจึงเป็นทางออกที่ง่ายทั้งได้ผลดี และวัยไหน ควรกินวิตามินผิวอะไร สำหรับข้อสงสัยนี้ วันนี้เราก็ได้ลิสต์ วิตามินผิวที่เหมาะกับแต่ละช่วงวัย มาช่วยให้คุณเลือกวิตามินถูกกับวัยมากขึ้น คอนเฟิร์มว่าทานแล้วผิวดีขึ้น แบบไม่ต้องง้อคลินิกความงามเลยล่ะค่า และก่อนที่เราจะหาวิตามินผิวมาทานกันก็ควรรู้ก่อนว่าวิตามินแต่ละชนิดให้ประโยชน์กับผิวอย่างไร?
 

 

วิตามินบํารุงผิว มีอะไรบ้าง?

 

1. วิตามินเอ (Vitamin A)

     วิตามินเออุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากจะช่วยลดการเกิดสิว และลดรอยแผลเป็นจากสิว ยังช่วยบำรุงให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยค่ะ
 

2. วิตามินบี 3 (Niacinamide) / อนุพันธ์วิตามินบี 3 NAD+

     วิตามินตัวนี้ช่วยป้องกันและรักษาสิว ลดรอยดำรอยแดงจากสิว ช่วยควบคุมความมัน ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น และไปกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ให้ผิวชุ่มชื้น ทั้งเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระจ่างใส เต่งตึงอิ่มฟูขึ้น ริ้วรอยลดลง 
 

3. วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex)

     มาถึงวิตามินบีรวม ตัวช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เสริมสมาธิ ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ซึ่งเค้าไม่ได้มีดีเพียงเท่านี้ค่ะสาวๆ นับว่าเป็นวิตามินที่ครบเครื่องเรื่องผิวอีกตัวเลยก็ว่าได้ เพราะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง บำรุงผิวชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล ลดการอักเสบ จึงช่วยให้สิวสงบลง พร้อมปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลง
 

4. วิตามินซี (Vitamin C)

     วิตามินซีโดดเด่นเรื่องความขาวกระจ่างใส ช่วยลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอดูกระจ่างใส พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวจากการทำลายของรังสียูวี เสริมสร้างคอลลาเจน และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
 

5. วิตามินอี (Vitamin E)

     วิตามินตัวนี้ยืนหนึ่งด้านต้านแก่และลดเลือนริ้วรอย ทั้งช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านให้กลับมานุ่มชุ่มชื้น ช่วยลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย บรรเทาผื่นแพ้ที่ผิวหนัง และป้องกันผิวเสียจากแสงแดด
 

6. โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10)

     CoQ10 อุดมไปด้วยสารต้านอนมูลอิสระช่วยต้านความเสื่อมของเซลล์ เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวชุ่มชื้นยืดหยุ่น สัมผัสแล้วนุ่มฟูแน่นขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง
 

7. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)

     แอสตาแซนธิน หรือสารแคโรทีนอยด์จากอาหารธรรมชาติที่มีสีแดง เช่น สาหร่ายสีแดง ซึ่งให้แอสตาแซนธินมากที่สุด เปลือกปู กุ้ง เคยหรือกุ้งขนาดเล็ก Krill ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ ฯลฯ สารชนิดนี้นับว่าเป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่คู่ควรกับผิวและสุขภาพของคุณ เพราะเป็น Anti-oxidant ที่ว่ากันว่ามีประสิทธิภาพกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ หลายร้อยหลายพันเท่า โดยช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวชุ่มชื้นเรียบเนียน ดูกระจ่างใสเปล่งปลั่ง รอยดำรอยแดงดูลดเลือนลงค่ะ
 

8. เรสเวอราทรอล (Resveratrol)

     กลุ่มโพลีฟินอลที่ได้จากองุ่นหรือองุ่นแดง ไวน์แดง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ถั่วลิสง พิสตาชิโอ โกโก้ ฯลฯ นอกจากมีคุณสมบัติต้านเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอการเกิดริ้วรอย ลดผิวอักเสบ ปรับสีผิวให้กระจ่างใส รอยแดง รอยดำดูจางลงแล้ว เค้ายังช่วยให้ผิวแข็งแรง ทนแดด ไม่ไวต่อแสงด้วยค่า ยิ่งไปกว่านั้นยังลดโอกาสเป็นเบาหวานและโรคมะเร็งด้วยค่ะ
 

9. แคลเซียม (Calcium)

     แคลเซียมไม่เพียงช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรงเท่านั้น เค้ายังมีส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย การขาดแคลเซียมจะทำให้ผิวอ่อนแอแพ้ง่าย และแห้งกร้าน
 

10. น้ำมันปลา (Fish Oil)

     น้ำมันปลามีโอเมก้า 3 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดสิวฮอร์โมน สิวอุดตัน ลดการอักเสบของผิว ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงเปล่งปลั่ง นุ่มชุ่มชื้น พร้อมชะลอวัย
 

11. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed) 

     สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ความหมองคล้ำ ฝ้า กระจางลง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับเต่งตึง ริ้วรอยลดลง ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง เปล่งปลั่งมีเลือดฝาด และปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด
 

12. คอลลาเจน (Collagen)

     คอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นตึงกระชับให้ผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น และช่วยลดจุดด่างดำ ฝ้า กระให้จางลง ผิวจึงดูอ่อนวัยขึ้น
 

13. ไลโคปีน (Lycopene)

     ไลโคปีนประสิทธิภาพปกป้องผิวจากแสงแดดลึกถึงระดับดีเอ็นเอ (DNA) และช่วยให้ผิวทนต่อแสงแดดมากขึ้น ทั้งช่วยลดอาการผิวไหม้แดด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นยืดหยุ่น มีความกระชับ จึงช่วยให้ริ้วรอยลดลง ผิวแข็งแรง ไม่คล้ำเสียง่าย
 

14. เบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) 

     เบต้าแคโรทีนหรือโปรวิตามินเอ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์  จึงช่วยชะลอความแก่ ทั้งยังปกป้องผิวจากแสงแดด นอกจากนี้เบต้าแคโรทีนยังช่วยบำรุงผิว พร้อมผลัดแซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
 

15. ซีลีเนียม (Selenium)

     ซีลีเนียมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้าง Glutathione peroxidase ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำลาย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว อีกทั้งต้านริ้วรอยแห่งวัย ชะลอความชราได้ด้วย
 

16. ไฮยาลูรอน (Hyaluron)

     ไฮยาลูรอน ก็เป็นอาหารผิวสำคัญที่สาวๆ ไม่ควรพลาดค่ะ เพราะในผิวหนังของเรานอกจากมีคอลลาเจนและอีลาสตินแล้ว ยังมีไฮยาลูรอนอีกด้วย ทำให้ผิวฟูเต่งตึง ดูใสอิ่มน้ำ เกราะป้องกันผิวแข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะค่อยๆ เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้นการกิน Hyaluron จึงช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูกระจ่างใสสุขภาพดี ผิวมีความหนาแน่นขึ้น เสริมเกราะป้องกันผิว พร้อมช่วยให้ริ้วรอยดูลดลง
 

วัยไหน ควรกินวิตามินผิวตัวไหน เลือกวิตามินผิวให้ถูกกับวัย

 

วิตามินผิว สำหรับคนวัย 20+ 

 
     แม้ช่วงวัย 20 ต้นๆ จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยหรือรอยตีนกา เพราะคอลลาเจน อีลาสตินใต้ผิวอยู่กันเต็ม ปัญหาผิวส่วนมากมักจะเกิดจากการดูแลผิวไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อต้องเจอกับแสงแดด มลภาวะ ความเครียด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน จึงทำให้เกิดสิว ผิวหมองคล้ำแห้งกร้าน พออายุเลย 25 การผลิตคอลลาเจนของร่างกายน้อยลง ทำให้ความตึงกระชับของผิวลดลง ดูไม่สดใสเหมือนเดิม และบางคนก็เริ่มมีริ้วรอยบางๆ ให้เห็นแล้ว สำหรับวิตามินผิวที่เหมาะกับคนช่วงวัยนี้ที่ช่วยให้ผิวดูสดใสเหมือนสาววัยแรกแย้มได้แก่ วิตามินซี น้ำมันปลา วิตามินเอ หรือเบต้าแคโรทีน วิตามินบีรวม และไลโคปีน  
 

วิตามินผิว สำหรับคนวัย 30+

 
     พอเข้า 30 ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวก็เริ่มมากขึ้น เนื่องจากร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่การสูญสลายของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ยังอยู่ในอัตราเดิม อีกทั้งการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวก็จะช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวหยาบแห้งกร้าน ดูหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง มีฝ้า กระ จุดด่างดำ สำหรับวิตามินที่ช่วยให้คนช่วงวัยนี้คงความอ่อนเยาว์ ผิวดูชุ่มชื้นสุขภาพดี ชะลอการเกิดริ้วรอยได้คือ วิตามินซี คอลลาเจน น้ำมันปลา โคคิวเทน วิตามินอี และสารสกัดเมล็ดองุ่น 
 

วิตามินผิว สำหรับคนวัย 40+

 
     เมื่อเลยอายุ 40 Baby fat บนใบหน้าจะหายไป ผิวของคนวัยนี้จะอ่อนแอและยุบตัวลง จากการสลายของไขมันใต้ผิว ความหย่อนคล้อย รอยตีนกาและริ้วรอยต่างๆ ยิ่งชัดขึ้น อีกทั้งปัญหาความแห้งกร้าน ฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำก็จะหนักกว่าเดิม ดังนั้นการเลือกวิตามินให้เหมาะกับคนวัยนี้ ไม่เพียงต้องช่วยให้ผิวอิ่มฟูกระชับ ลดเลือดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ยังต้องช่วยลดจุดด่างดำ ทำให้ผิวแข็งแรงด้วย วิตามินที่แนะนำได้แก่ แคลเซียม โคคิวเทน วิตามินอี น้ำมันปลา NAD+ แอสตาแซนธิน และไฮยาลูรอน
 

วิตามินผิว สำหรับคนวัย 50+

 
     สำหรับคนวัย 50+ นอกจากตีนกา ริ้วรอย บนใบหน้าที่ลึกขึ้นแล้ว ผิวยังอ่อนแอและบางลงอีกด้วย แถมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่พยุงผิวบนใบหน้าเริ่มเสื่อมสภาพ กระดูกโครงสร้างใบหน้าก็มีการยุบตัวลง ทำให้รูปหน้าเปลี่ยน หางตาตก ผิวหย่อนคล้อยมากขึ้น ที่สำคัญช่วงอายุนี้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพแห้งกร้านขาดน้ำ และแพ้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ การเลือกทานวิตามินผิวสำหรับคนวัยนี้จะต้องเน้นไปที่เสริมความแข็งแรงให้ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเต่งตึง เช่น เรสเวอราทรอล NAD+ น้ำมันปลา แคลเซียม โคคิวเทน วิตามินอี และซีลีเนียม
 

วิตามินผิวแนะนำ ทานเสริมได้ทุกช่วงวัย (อายุ 20-60+)

     วิตามินบำรุงผิว พร้อมบำรุงร่างกาย ที่เฟรนด์ลีกับคนทุกวัยตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้นก็คือ Beta carotene, Fish oil, Lycopene, Selenium, Vitamin A, B, C, E ค่ะ โดยแนะนำว่าควรกินให้เหมาะกับปัญหาผิวในช่วงนั้นๆ หรือช่วงที่ร่างกายขาดก็เพียงพอแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเสริมอย่างต่อเนื่อง เช่น ช่วงที่ขาดวิตามินเอ สาวๆ อาจมีอาการสายตาพร่าเลือน มองไม่ชัด ผิวแห้งคัน ผิวอักเสบง่าย ก็สามารถกินวิตามินเอเสริมได้ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน
 

ข้อควรระวังในการกินวิตามินบำรุงผิว

     อาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด มีคุณสมบัติลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันเลือด ควรเลือกตัวใดตัวหนึ่ง ไม่ควรกินซ้ำซ้อนกัน และในกรณีที่มีโรคประจำตัวต้องทานยาเป็นประจำ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ
 
บทความที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี