หายได้ด้วยวิธีธรรมชาติ!! 3 วิธีดูแลผิวอย่างไรไม่ให้เป็น หลุมสิว

     สาเหตุของ หลุมสิว หลักๆ นั้นเกิดจากการเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ค่ะ สิวประเภทสิวหัวช้างหรือสิวอักเสบ สิวพวกนี้เมื่อเราเป็นแล้วหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน สิวจะปล่อยเอนไซม์ที่ย่อยเนื้อเยื่อหรือผิวด้านล่างของหัวสิวค่ะ เมื่อสิวหายจึงทำให้ผิวหนังยุบตัวและเกิดเป็นหลุมสิวขึ้นมา รวมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิวและทำให้เกิดรอยดำรอยแดงได้ค่ะ

     การป้องกันไม่ให้เราเป็น หลุมสิว หลักๆ เลยก็คือการรักษาสิวให้เร็วที่สุด เพื่อที่เอนไซม์ในหัวสิวจะได้ไม่ย่อยเนื้อเยื่อของเราจนเกิดหลุมค่ะ แต่นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ใบหน้าของเราเกิดหลุมสิวได้อีก ตามนี้ค่ะ

1. รักษาสิวให้เร็วที่สุด

     อย่างที่บอกไปแล้วค่ะว่าการป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวนั่นก็คือต้องรักษาสิวให้เร็วที่สุด หากเราเกิดมีสิวอักเสบบนใบหน้าเราก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อกดสิวหรือให้แพทย์ช่วยเอาหัวสิวและหนองออกให้หมด อย่าพยายามกดสิวเองค่ะ แต่นอกจากการไปพบแพทย์เพื่อกดสิวแล้ว ก็สามารถใช้ยาทา เช่น Clindamycin, Benzoyl peroxide, Azelaic acid, Erythromycin และ Metronidazole ในรายที่มีสิวอุดตันและกลัวว่าจะพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ ก็สามารถใช้ยาทาเพื่อรักษาสิวได้เช่นกันค่ะ ทั้ง Differin, Retin-A และกลุ่มตัวยาประเภท Salicylic acid เช่น AmoothE Acne+ ส่วนคนไหนที่มีทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตันก็สามารถจับคู่ยาได้ เช่น Differin+Benzac+Clindamycin หรือ Retin-A+Benzac+Clindamycin ก็ได้ค่ะ

2. เลือกใช้สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิวหรือผิวบอบบาง

     หลังจากที่ใช้ยารักษาสิวหรือไปกดสิวมาแล้ว สิ่งที่สำคัญหลังจากนั้นคือการดูแลผิวเพื่อไม่ให้เกิดรอยดำรอยแดงและหลุมสิวได้อีกค่ะ ซึ่งเราควรเลือกใช้สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิวหรือคนที่มีผิวบอบบาง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของเราระคายเคืองและเกิดการอักเสบตามมา ซึ่งสกินแคร์ที่เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบางและเป็นสิวง่าย สาวๆ สามารถดูได้ที่นี่ค่ะ >> จัดเต็ม! 30 ไอเท็มลดสิว สำหรับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ใช้แล้วดี สิวหายเกลี้ยง! <<

3. เลือกกินวิตามินที่ช่วยบำรุงผิว

     หลังจากที่เรารักษาสิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเลือกกินวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวได้ อย่างเช่น Vitamin C, Vitamin E, Vitamin A, AHA และ BHA ก็จะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวได้ โดยวิตามินที่เราแนะนำสามารถดูได้ที่นี่ค่ะ >> 5 วิตามิน กินลดสิว ลดรอย บำรุงผิวหน้าให้ใส สลายสิวให้เกลี้ยง! << ซึ่งนอกจากการใช้วิตามินเหล่านี้ในการรักษาหลุมสิวแล้ว การทาครีมกันแดดทุกวันก็ช่วยได้ค่ะ เนื่องจากครีมกันแดดสามารถช่วยให้กรด AHA ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากเป็นกรด AHA เป็นกรดที่ไวต่อแสง การทากันแดดจึงเป็นเสมือนเกาะกำบังให้กับกรด AHA ได้ค่ะ

     นอกเหนือจากการรักษา หลุมสิว ด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว ในวิธีสุดท้ายของการรักษาหลุมสิวนั่นก็คือการพบแพทย์ค่ะ ซึ่งการรักษาหลุมสิวโดยแพทย์นั้นมีหลายวิธี ทั้งการ Chemical Peeling, การกรอผิวด้วย Microdermabrasion, Microneedling และการทำ Fractional Laser ซึ่งในการทำแต่ละอย่างนั้นแพทย์จะประเมินจากรอยหลุมสิวของคนไข้ค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ


3 วันยุบ! 6 ครีมทาสิว แต้มสิว ลดสิวทันใจ สิวอักเสบยุบไว สิวผดหายเกลี้ยง!


รีวิวสกินแคร์ สำหรับคนผิวแห้ง & ผิวแพ้ง่าย ใช้แล้วผิวแข็งแรง ผิวดีขึ้นจริง!