รีเซต

10 สัญญาณเตือนเบาหวานและความดันสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

10 สัญญาณเตือนเบาหวานและความดันสูง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
BeauMonde
13 ตุลาคม 2568 ( 10:55 )
19

     โรคเบาหวาน และ โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่พบได้บ่อยในคนไทย และมักเกิดขึ้นพร้อมกันโดยไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก ทั้งสองโรคนี้ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ไต ตา และระบบประสาท หากไม่รู้ทันตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคหัวใจวาย ไตวาย หรือเส้นเลือดในสมองตีบ

     การรู้จัก สัญญาณเตือนเบาหวานและความดันสูง จะช่วยให้คุณสามารถเข้ารับการตรวจและดูแลสุขภาพได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงของโรคร้ายในอนาคต

 

 

สัญญาณเตือนโรคเบาหวานและความดันสูงที่ควรรู้

 

     หากร่างกายเริ่มมีความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าเพิกเฉย เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของ “โรคเบาหวาน” หรือ “โรคความดันโลหิตสูง” หากมีอาการหลายข้อร่วมกัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพโดยละเอียด

สัญญาณเตือนจากโรคเบาหวาน (น้ำตาลในเลือดสูง)

  1. ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน – ร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ

  2. กระหายน้ำ คอแห้งบ่อย – เกิดจากการสูญเสียน้ำมาก

  3. หิวบ่อย กินเก่งแต่น้ำหนักลด – เพราะน้ำตาลไม่เข้าสู่เซลล์ ร่างกายจึงเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อแทน

  4. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย – เซลล์ขาดพลังงาน แม้จะนอนหลับเพียงพอ

  5. แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย – ภูมิคุ้มกันและการไหลเวียนเลือดลดลงเมื่อระดับน้ำตาลสูง

สัญญาณเตือนจากโรคความดันโลหิตสูง

  1. ปวดหัวท้ายทอย โดยเฉพาะตอนเช้า – พบบ่อยในผู้ที่มีความดันสูงมาก

  2. วิงเวียน มึนงง หน้ามืด – มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดันหรือหลอดเลือดสมอง

  3. ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด – หลอดเลือดเล็กบริเวณจอประสาทตาถูกทำลาย

  4. เหนื่อยง่าย หายใจถี่ – หัวใจทำงานหนักขึ้นจากความดันสูง

  5. ชาปลายมือ ปลายเท้า – เส้นประสาทถูกทำลาย หากมีเบาหวานและความดันร่วม จะเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดตีบตัน

🧠 Tip: หากพบอาการเหล่านี้เพียง 1–2 ข้อ ควรเฝ้าระวัง แต่หากมีหลายข้อร่วมกัน ควรรีบพบแพทย์ทันที 

 

ทำไมเบาหวานและความดันถึงมักเกิดขึ้นพร้อมกัน

     โรคเบาหวาน และ โรคความดันโลหิตสูง มักเกิดร่วมกัน เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อเนื่องทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบ เมื่อหลอดเลือดยืดหยุ่นน้อยลง หัวใจต้องสูบฉีดเลือดแรงขึ้น ความดันจึงสูงตามมา นอกจากนี้ ทั้งสองโรคยังมี “ปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน” ได้แก่

  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

  • ขาดการออกกำลังกาย

  • การบริโภคอาหารรสหวาน มัน เค็ม

  • ความเครียดสะสม

  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ไม่ใส่ใจสุขภาพ

การดูแลป้องกันหนึ่งโรคจึงมักช่วยลดความเสี่ยงของอีกโรคได้ไปพร้อมกัน

 

วิธีดูแลและป้องกันเบาหวาน ความดันสูงเบื้องต้น

     การปรับพฤติกรรมชีวิตประจำวันสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคได้อย่างมาก

1. ควบคุมอาหาร

  • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว และอาหารเค็ม

  • เพิ่มผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์

  • เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ

3. ควบคุมน้ำหนัก

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

  • ลดภาระหัวใจและหลอดเลือด

4. พักผ่อนและลดความเครียด

  • นอนวันละ 7–8 ชั่วโมง

  • หาวิธีผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง เดินเล่น ทำสมาธิ

5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต

  • พบแพทย์ประจำปีเพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด

 

     หากคุณเริ่มมี สัญญาณเตือนเบาหวานและความดันสูง อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการตรวจพบและดูแลตั้งแต่ระยะแรก สามารถควบคุมโรคและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี