5 วิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดํา ทำยังไงให้หน้ากระจาง ขาวใส เป็นธรรมชาติ
หากสาว ๆ กำลังเป็นรู้สึกกังวลกับจุดด่างดำและฝ้า ไม่ว่าจะเป็นรอยที่เกิดจากสิวหรือแสงแดด จุดด่างดำและความหมองคล้ำมักเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากการที่ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น และเมื่อเกิดจุดด่างดำหรือรอยด่างดำแล้ว การจะทำให้จางหายไปอาจต้องใช้เวลา จุดด่างดำที่สีเข้มกว่าสีผิวธรรมชาติไม่กี่เฉดอาจจะจางลงได้ภายใน 6 - 12 เดือน แต่หากเป็นฝ้าหรือแผลเป็น อาจจะจำเป็นต้องใช้ผิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้สีจางลง
4 สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำ
- การอักเสบ
การบาดเจ็บที่ผิวหนัง เช่น สิว แมลงกัด มีบาดแผล รอยถลอก หรือแม้กระทั่งรอยขีดข่วนและการเสียดสีจากการถูแรง ๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ ซึ่งการอักเสบสามารถทำให้เซลล์ที่ผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น และทิ้งรอยดำไว้หลังจากอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว
- แสงแดด
รังสี UV จากดวงอาทิตย์จะกระตุ้นการผลิตเมลานินให้เพิ่มขึ้นได้ และนอกจากนี้ผิวหนังที่โดนแสงแดดยังเสื่ยงที่จะเกิดฝ้าและเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
- ฮอร์โมนผันผวน
ฮอร์โมนผันผวนมักเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ และทำให้เกิดฝ้าที่มีลักษณะเป็นหย่อมสีน้ำตาลขึ้นบนใบหน้าได้ แต่นอกจากนี้ฝ้ายังเกิดขึ้นได้จากแสงแดด พันธุกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาบางประเภท
- ยาบางประเภทหรือการรักษาทางการแพทย์
รอยด่างดำบนใบหน้าอาจเกิดจากโรคบางอย่าง ความผิดปกติในร่างกาย การยาบางชนิด รวมถึงการรักษาทางการแพทย์บางอย่าง เช่น การใช้ยาเคมีบำบัดบางชนิดก็ยังสามารถทำให้เกิดรอยดำชั่วคราวได้
5 วิธีลดฝ้า กระ จุดด่างดํา
1. ปกป้องผิวจากแสงแดด
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันไม่ให้สีผิวเปลี่ยน คือการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่มีเมฆมากหรืออากาศเย็น เพราะรังสียูวีสามารถกระตุ้นให้สีผิวเข้มขึ้นและเกิดจุดด่างดำเข้มขึ้นได้ด้วย นอกจากนี้ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งระหว่างเวลา 10.00 น. - 14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงแดดแรง รวมถึงให้สวมหมวกปีกกว้างเพื่อป้องกันศีรษะ ผิวหน้า หู และคอ ไม่ให้สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
2. รักษาความชุ่มชื้นของผิว
แม้ว่าเป้าหมายหลักของเราคือการทำให้จุดด่างดำจางลง แต่การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก็มีประสิทธิภาพที่เป็นประโยชน์ต่อผิวได้เช่นกัน นอกเหนือจากการแก้ปัญหาเรื่องเม็ดสีแล้ว ผลิตภัณฑ์มอยเจอร์ไรเซอร์อาจจะต้องมีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กลีเซอรีนหรือกรดไฮยาลูโรนิก หรือในบางทีก็อาจจะเป็นเรตินอลเพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีควรต้องช่วยฟื้นฟูลิปิดหรือไขมันของผิวหนังได้ ซึ่งช่วยให้เซลล์ผิวใหม่มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง
3. ระวังการแกะสิว เกา และการบาดเจ็บอื่น ๆ
แม้จะอยากเกาเพราะยุงกัดหรือบีบสิวหัวดำดื้อ ๆ ที่ออกมาให้หมด แต่เราก็ควรนึกถึงคำเตือนไว้ว่า อย่าแกะหรือบีบสิว เพราะการเกา แคะหรือบีบตรงจุดใดจุดหนึ่งบนใบหน้า มีแต่จะเพิ่มการอักเสบที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนของสีผิวได้ และยิ่งหากเรายุ่งกับมันมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดการอักเสบและเกิดรอยด่างดำรวมถึงแผลเป็นก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น
4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญ
ยิ่งรักษารอยดำได้เร็วเท่าไหร่ รอยด่างดำพวกนี้ก็จะจางหายไปได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะเม็ดสีน้ำตาลสามารถเคลื่อนที่ลึกลงไปในผิวหนังได้ ซึ่งส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถช่วยกำจัดจุดด่างดำได้คือสารจำพวกกรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ไกลโคลิก (Glycolic Acid) วิตามินซีและเรตินอยด์
5. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
หากวิธีที่กล้าวมาข้างต้นยังไม่ได้ผล ก็ถึงเวลาโทรหาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนรักษา แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีไฮโดรควิโนน เนื่องจากไฮโดรควิโนนที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ถึงแม้จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้แต่อย่างไรสารชนิดนี้ก็ถือเป็นอันตรายหากใช้ไม่ถูกวิธี แพทย์ผิวหนังจะติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด และช่วยให้เราใช้ได้อย่างถูกวิธีโดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด หรือนอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยเลเซอร์ การกรอผิว หรือวิธีอื่น ๆ เพื่อกำจัดการผลิตเมลานินส่วนเกิน
บทความที่คุณอาจสนใจ
- 5 สูตรพอกหน้าลดจุดด่างดำ ช่วยลดรอยสิว รอยแผลเป็น ใบหน้ากระจ่างใส
- 5 วิธีทําให้หน้าใสแบบเร่งด่วน เร่งผิวให้สวยชั่วข้ามคืน แบบธรรมชาติ