รีเซต

10 วิธีเลี้ยงลูกให้คิดบวก เป็นคนเก่ง และมีความสุข

10 วิธีเลี้ยงลูกให้คิดบวก  เป็นคนเก่ง และมีความสุข
PookieChan
22 กุมภาพันธ์ 2566 ( 20:11 )
397

       การ เลี้ยงลูกให้คิดบวก ไม่ใช่ทำให้มีความสุขมากขึ้นอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น ช่วยเพิ่มความนับถือตนเอง ช่วยพัฒนา EQ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วยเตรียมพร้อมให้ลูกเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จด้วย เรียกได้ว่าทั้งเป็นคนเก่งและมีความสุข ซึ่งคนที่จะทำได้ดีที่สุดก็คือคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง หากกำลังมองหาวิธีดีๆ อยู่ล่ะก็ ลองมาดู 10 วิธีเลี้ยงลูกให้คิดบวก ที่เรานำมาฝาก แล้วลองเอาไปปรับใช้กันนะคะ 

 

 

10 วิธีเลี้ยงลูกให้คิดบวก  เป็นคนเก่ง และมีความสุข

 

1. ใช้ภาษาแง่บวก หลีกเลี่ยงภาษาแง่ลบ

       เด็กจะเรียนรู้และเลียนแบบจากผู้ใหญ่ใกล้ตัว ทุกคำพูดของคุณแม่คือสิ่งที่ลูกจะซึมซับและเรียนรู้ คำพูดที่เราพูดออกไปแล้วคิดว่าเด็กเล็กๆ จะจำไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ ดังนั้นคำพูดเลยเป็นสิ่งที่ส่งพลังและส่งผลต่อลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ 

ตัวอย่างการพูดเชิงบวก

  •  "หยุดทำเสียงดังโวยวายเดี๋ยวนี้นะ!" เปลี่ยนเป็น "แม่ชอบเวลาที่ลูกพูดเสียงเบาลงนะจ๊ะ" 
  • "โอ๊ย ทำแก้วตกอีกแล้ว แค่เทน้ำง่ายๆ ก็ทำไม่ได้เหรอ" เปลี่ยนเป็น "เป็นอะไรมั้ยลูก ตกใจหมดเลย พื้นเปื้อนพอดีเลย เรามาช่วยกันเช็ดนะ"
  • "ยังทำการบ้านไม่เสร็จอีก รีบๆ ทำสิอย่าขี้เกียจ ไม่เอาไหนเลย" เปลี่ยนเป็น "อีกนิดเดียวก็ทำเสร็จครึ่งนึงแล้ว ขยันจัง พยายามเข้านะลูก"
  • "อย่าข้ามถนนคนเดียวสิ ทำไมห้ามไม่ฟังเลย ดื้อจริงๆ" เปลี่ยนเป็น "เรามาข้ามถนนด้วยกันนะลูก แม่กับหนูจะได้ปลอดภัยด้วยกันนะ"

 

2. โฟกัสที่ข้อดี มากกว่าจมอยู่กับข้อเสีย

      ไม่ว่าใครก็ต้องมีข้อเสีย แต่หากจี้แต่ข้อเสียจะทำให้ลูกเชื่อและฝังใจว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ไม่มีค่าพอ ตรงข้ามกับความตั้งใจของคุณแม่ไปคนละทาง ดังนั้นการสร้างความมั่นใจจึงเป็นเรื่องสำคัญกว่า ลองมองหาข้อดีของลูกแล้วช่วยลูกพัฒนาข้อดีนั้นให้มากขึ้น จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจ ภูมิใจ และมีความกล้าที่จะขยายความสามารถในเรื่องใหม่ๆ มากขึ้นค่ะ

 

3. เรียนรู้ที่จะขอบคุณและเห็นคุณค่าสิ่งที่มี

      การขอบคุณและชื่นชมคุณค่าสิ่งที่มี แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย ส่งผลดีต่อลูกในหลายๆ ด้านค่ะ เช่น ทำให้มีความสุขได้ง่าย ทำให้มีจิตใจอ่อนโยนไม่ก้าวร้าว และยังเป็นพื้นฐานของความช่างสังเกต ความรู้จักมองหาโอกาสในสิ่งต่างๆ อีกด้วย 

 

4. เน้นความพยายามมากกว่าผลลัพธ์

      ยกย่องความพยายามของลูกมากกว่าแค่ผลลัพธ์ สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเห็นคุณค่าของความมุ่งมั่นตั้งใจ แม้ว่าจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการก็ตาม เช่น การพูดว่า "แม่ภูมิใจมากนะที่เห็นลูกพยายามและตั้งใจมากเลย ลูกเก่งมากจ้ะ" แทนที่จะพูดว่า "แม่ดีใจที่เห็นเกรดเอ" เพราะการพูดแบบแรกจะช่วยให้ลูกเก่งอย่างมีความสุขและมั่นใจ ไม่ใช่เก่งแบบกดดันตัวเองค่ะ

 

5. จัดการความเครียดแบบไม่เครียด

      ไม่ว่าใครก็เครียดเป็นไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ หากคุณแม่รับมือกับความเครียดในเชิงบวก เช่น การหายใจลึกๆ การออกกำลังกาย หรือการหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อยใจเกินไป จะทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะทำตาม และรู้ว่าความเครียดเป็นของชั่วคราวที่ผ่านเข้ามาแล้วจะผ่านไปได้ ไม่ใช่จุดจบของทุกอย่าง

 

6. ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจ แทนการใช้ความรุนแรง

       การใช้ความรุนแรงอาจจะช่วยให้ลูกหยุดดื้อหยุดซนได้ชั่วคราว แต่ในระยะยาวมันไม่ช่วยอะไรนอกจากเพิ่มความคิดลบๆ ให้กับลูก และทำให้ลูกต่อต้านพ่อแม่เมื่อโตขึ้น หากลูกดื้อเกินขอบเขต ลองเสนอกิจกรรมหรือของเล่นอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จะเป็นวิธีที่สร้างสรรค์มากกว่าค่ะ

 

7. ยอมรับความผิดพลาด

     การแสดงให้ลูกเห็นว่าการทำผิดพลาด เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และเติบโตตามธรรมชาติ ซึ่งต้องเริ่มที่คุณพ่อคุณแม่เป็นอันดับแรก เมื่อคุณพ่อคุณแม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ใช้อารมณ์กลบเกลื่อนเวลาที่ตัวเองทำพลาดไป ลูกก็จะเรียนรู้สิ่งนั้นด้วยเช่นกันค่ะ

 

8. ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

     ลองเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ไม่รู้จบ ชื่นชมเวลาที่ลูกคิดทำอะไรแปลกใหม่ รวมไปถึงการตั้งคำถามปลายเปิด เช่น เปลี่ยนจาก "อันนี้สีอะไร" เป็น "ลูกว่าอันนี้จะเป็นสีอะไรได้บ้าง" ทั้งหมดนี้จะช่วยให้รู้สึกสนุกกับการทำกิจกรรมต่างๆ และรู้จักคิดนอกกรอบเมื่อเจอกับทางตันค่ะ

 

9. ให้ลูกได้ตัดสินใจในเชิงบวก

     เด็กๆ มักรู้สึกดีเมื่อได้ทำอะไรด้วยตัวเอง แต่คุณแม่ก็คงอดไม่ได้ที่จะเลือกสิ่งดีๆ แทนลูกเพราะหวังดี ทำให้ลูกก็งอแง คุณแม่ก็เหนื่อยใจ ลองพบกันครึ่งทางด้วยการเสนอทางเลือกให้ลูกทุกครั้งที่ทำได้ดูสิคะ เช่น จะใส่อะไร กินอะไร หรือทำกิจกรรมอะไร แล้วลูกจะมีทัศนคติที่ดีทั้งกับคุณแม่และกับตัวเองมากเลยล่ะค่ะ

 

10. ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันให้มากที่สุด

     การส่งเสริมความคิดเชิงบวกจะต้องใช้เวลาและความตั้งใจ ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีเวลาดีๆ ร่วมกันในครอบครัว ซึ่งจะทำให้ลูกได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่ในทุกมิติ และความอบอุ่นในครอบครัวยังเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ลูกเติบโตเป็นคนเก่งที่คิดบวกและมีความสุขนั่นเองค่ะ

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง