รีเซต

5 เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี ทำยังไงให้หน้าใส ทํายังไงให้ผิวผ่อง

5 เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี ทำยังไงให้หน้าใส ทํายังไงให้ผิวผ่อง
BeauMonde
24 มกราคม 2566 ( 16:40 )
1.5K

     ผิวหนังถือเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ในช่วงที่ร่างกายแข็งแรง ผิวหนังชั้นต่าง ๆ จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เพื่อปกป้องร่างกายไม่ให้ถูกบุกรุกโดยสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ แต่หากร่างกายอ่อนแอความสามารถของผิวในการทำงานเป็นเกราะป้องกันก็จะลดลง 

     ผิวคือปราการด่านแรกของร่างกายที่สามารถเผยถึงสภาวะสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสซึ่งหมายถึงผู้ที่มีสุขภาพดี การเกิดสิวที่อาจแสดงถึงสภาวะผันผวนของฮอร์โมน หรือริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งทั้งอายุและสุขภาพโดยรวมของเราสามารถที่จะสะท้อนให้เห็นผ่านผิวของเราได้

 

หน้าที่ของผิวหนัง

     ผิวหนังมีหน้าที่หลายอย่าง แต่บทบาทที่สำคัญที่สุดคือการเป็นแนวป้องกันด่านแรกระหว่างร่างกายของเรากับสภาพแวดล้อมภายนอก ช่วยปกป้องเราจากแบคทีเรีย ไวรัส มลพิษและสารเคมีที่เราพบได้ทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน

     ผิวหนังมีส่วนในการช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ช่วยรักษาสมดุลของของเหลว และควบคุมการสูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันและเป็นสิ่งที่แสดงให้เรารู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดเพื่อเตือนเราถึงอันตราย และปกป้องเราจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตราย

 

สาเหตุที่ทำให้ผิวเหี่ยว

     มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อผิวของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ความชรา ฮอร์โมน และสภาวะโรคต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคสะเก็ดเงิน หรือแม้แต่โรคเบาหวาน ก็เป็นปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อผิวหนังได้

     ปัจจัยจากภายนอกก็สามารถส่งอิทธิพลต่อผิวได้เช่นกัน เช่น การสัมผัสแสงแดดโดยที่ไม่มีการป้องกัน การล้างผิวหน้าบ่อยเกินไปหรือล้างหน้าด้วยน้ำที่ร้อนเกินไปก็สามารถทำลายผิวหนังได้ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความเครียด การนอนไม่พอ การออกกำลังกายไม่เพียงพอ ภาวะขาดน้ำ การสูบบุหรี่ และการใช้ยาบางชนิด ก็ล้วนส่งผลต่อความสามารถของผิวในการทำงานเป็นเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

 

 

5 เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี

 

1. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

     มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิดที่อ้างว่าสามารถช่วยให้เราต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัยได้ แต่อย่างไรก็ตามกาารเลือกอาหารที่มีประโยชน์ก็มีความสำคัญพอ ๆ กับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหล่านี้

     อาหารที่เรากินมีความสำคัญพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้บำรุงผิว เพราะอาหารที่เราเลือกกินสามารถช่วยบำรุงสุขภาพผิวของเราจากภายในสู่ภายนอกได้ ดังนั้นหากอยากมีผิวที่กระจ่างใสจึงควรเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

 

2. ควบคุมความเครียด

     เคยสังเกตไหมว่าก่อนถึงงานสำคัญ สิวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกลับจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเราได้แค่เพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งสาเหตุของปัญหานี้อาจมาจากระดับความเครียดที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่ปัญหาผิว และไม่เพียงแค่นั้นยังอาจนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ ได้เช่น คันที่บริเวณผิวหนัง ผมร่วง ผิวแห้งเป็นขุย หน้ามัน หลายครั้งที่ความเครียดจะเพิ่มปริมาณซีบัมซึ่งเป็นน้ำมันที่อุดตันตามรูขุมขน ซึ่งหากรูขุมขนอุดตันก็จะนำไปสู่ความรุนแรงของการเกิดสิวที่มากขึ้นได้ 

     การลดระดับความเครียดอาจทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น หากใครที่กำลังคิดว่าความเครียดกำลังส่งผลกระทบต่อผิว ให้ลองใช้เทคนิคลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ หรือหากิจกรรมที่ทำแล้วผ่อนคลาย

 

3. รักษาความชุ่มชื้นไว้ในผิว

     การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวจะช่วยให้เซลล์ผิวชั้นบนสุดชุ่มชื้นและสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ มอยเจอร์ไรเซอร์มักประกอบด้วยสารที่ให้ความชุ่มชื้น สารอุดกั้นเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว และสารที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างเซลล์และส่งผลให้ผิวเรียบเนียน

     แต่นอกจากการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว เราก็ยังสามารถทำให้ผิวเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ เช่น อาบน้ำหรือแช่น้ำไม่เกิน 10 นาทีต่อวัน อย่าขัดผิวบ่อยหรือถูตัวแรง ๆ เพราะการล้างมากเกินไปอาจทำให้ชั้นผิวหลุดออกและทำให้ผิวแห้งได้ พยายามอาบน้ำอุ่นค่อนไปทางน้ำเย็นแทนการใช้น้ำร้อน พยายามอย่าใช้สบู่ที่รุนแรง แต่เลือกใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอมแทน ซับผิวเบา ๆ ให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ รวมถึงพยยายามทาโลชั่นหรือครีมทันทีหลังจากอาบน้ำ

 

4. เลิกสูบบุหรี่

     การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังชั้นนอกแคบลง ซึ่งจะทำให้ลดการไหลเวียนของเลือดและทำให้ผิวหนังสูญเสียสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ดี การเลิกสูบบุหรี่สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวให้กลับมาดีขึ้นได้และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย รวมถึงการเลิกบุหรี่ยังช่วยให้ร่างกายสามารถคงคอลลาเจนและอิลาสตินไว้ได้ ซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น การสูบบุหรี่อาจลดความยืดหยุ่นตามธรรมชาติของผิวหนังโดยทำให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนและการผลิตคอลลาเจนลดลง



5. พักผ่อนให้พอ

     การนอนหลับพักผ่อนสามารถช่วยขจัดความหมองคล้ำรอบดวงตาและปรับโทนสีผิวของเราได้ แพทย์มักแนะนำให้เรานอนหลับเป็นเวลา โดยแนะนำให้ผู้ใหญ่นอนหลับให้ได้ 7 - 9 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการนอนน้อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและผิวของเรา

     การอดนอนติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเป็นที่รู้กันว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับโรคอ้วน และทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานต่ำ เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน และมะเร็ง แม้แต่การวิจัยหลายชิ้นก็พบว่าคุณภาพการนอนหลับอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของผิวหนัง

     ในระหว่างการนอนหลับลึก ร่างกายของเราจะเข้าสู่โหมดการซ่อมแซมและสร้างผิวหนัง กล้ามเนื้อ เลือดและเซลล์สมองขึ้นมาใหม่ หากนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะไม่สามารถสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ ซึ่งคอลลาเจนนี่เองที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหย่อนคล้อย

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง