รีเซต

6 วิธีทายารักษาสิว และการลงสกินแคร์ เรียงลำดับให้ถูก ต้องทาอะไรก่อน-หลัง

6 วิธีทายารักษาสิว และการลงสกินแคร์ เรียงลำดับให้ถูก ต้องทาอะไรก่อน-หลัง
Beau_Monde
21 มิถุนายน 2564 ( 11:07 )
73.5K

     สาวๆ ที่มีปัญหาสิว เคยสับสนกันบ้างมั้ยคะ ว่าควรจะทายารักษาสิวตอนไหน ยิ่งหากเรามีการใช้สกินแคร์คู่กันไปด้วย เราควรจะต้องเรียงลำดับการทายาและลงสกินแคร์อย่างไรดี เพราะการทายารักษาสิวและครีมบำรุงผิวที่ถูกวิธี จะสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุง ทำให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุด การเรียงลำดับการใช้ยารักษาสิวและการลงสกินแคร์จึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ

     ซึ่งเทคนิคง่ายๆ ของการทายารักษาสิวและครีมบำรุงผิว จะมี 3 เทคนิคด้วยกันค่ะ นั่นก็คือ 1. ทายาก่อน 2. ทาสกินแคร์ที่เป็นน้ำก่อน และ 3. ทาตัวที่เหลวกว่าและใสกว่าก่อน แต่ก่อนที่เราจะไปทายารักษาสิวและสกินแคร์ เราก็ควรจะต้องเริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้าก่อนค่ะ ซึ่งขั้นตอนในการทำความสะอาดใบหน้า ถือเป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เราสามารถลดสิวลงได้ค่ะ และหลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการใช้ยารักษาสิวและสกินแคร์ค่ะ ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะต้องทำอย่างไรบ้าง ตามเราไปดูกันเลยค่ะ

 

 

6 วิธีทายารักษาสิวและการลงสกินแคร์

 

1. ความสะอาดใบหน้า

     ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ ที่แต่งหน้า หรือไม่แต่งหน้า ในขั้นตอนนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องทำความสะอาดใบหน้าเพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกไปมากที่สุดค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน รวมถึงยังเป็นการช่วยให้ผิวหน้าของเราสามารถดูดซึมยาและครีมบำรุงต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วย โดยในขั้นตอนนี้หลังจากที่เราล้างหน้าแล้ว ให้ทำความสะอาดใบหน้าด้วย Clensing ซึ่งจะเป็นเนื้อสัมผัสแบบไหนก็ได้ตามที่ตัวเองไม่มีอาการแพ้ค่ะ แต่สำหรับคนที่เป็นสิว ผิวมันหรือคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็ให้เลือกเป็นสูตรน้ำค่ะ เพราะการใช้ยาทารักษาสิวหลายตัวจะทำหน้าที่ช่วยในการผลัดเซลล์ด้วยค่ะ อาจจะทำให้ผิวของเราบอบบางลงกว่าเดิมอีก การใช้ Clensing แบบน้ำก็จะอ่อนโยน เหมาะกับผิวที่กำลังอ่อนแอค่ะ

     เมื่อทำความสะอาดหน้าด้วย Clensing เรียบร้อยแล้ว ให้ทายา Benzoyl Peroxide ซึ่งคนที่เป็นสิวส่วนใหญ่ก็จะได้ใช้ยาตัวนี้อยู่แล้ว ตัวยาตัวนี้จะเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว รวมถึงยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อีกเล็กน้อยด้วยค่ะ ทิ้งไว้ 5-15 นาที แล้วล้างออกด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า เลือกตัวไหนก็ได้ที่อ่อนโยนและไม่ทำให้เราเกิดอาการแพ้และระคายเคืองค่ะ

 

2. โทนเนอร์ 

     หน้าที่ของโทนเนอร์คือการเข้าไปช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินและเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า ช่วยปรับค่า pH ของผิว และสามารถช่วยควบคุมการเกิดสิวได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้โทนเนอร์ยังทำหน้าที่ในการช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ช่วยลดการอุดตันซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิวค่ะ ซึ่งการเลือกใช้โทนเนอร์ก็ตามแบบที่เราชอบได้เลยค่ะ อาจจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือไม่มีก็ได้ หรือบางคนที่ใช้น้ำเกลือเช็ดหน้า ก็สามารถใช้แทนโทนเนอร์ไปได้เลย 

     สำหรับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย เป็นสิวและผิวมัน ก็ให้เลือกเป็นโทนเนอร์สูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ส่วนในคนที่มีผิวแห้ง ให้ใช้โทนเนอร์แค่เฉพาะตอนเย็นก็ได้ค่ะ

 

3. ทายารักษาสิว

     สำหรับบางคนอาจจะมีการใช้ยารักษาสิวหลายตัว ก็ให้เริ่มทาตาม 3 เทคนิคที่บอกไว้ข้างต้นเลยค่ะ นั่นคือ เลือกทาตัวที่เป็นน้ำก่อนหรือใช้ตัวที่เหลวกว่าและใสกว่าก่อน โดยจะแบ่งเป็นการยาทารักษาสิว ตามนี้ค่ะ

  • สำหรับคนที่เป็นสิวเยอะ

     สำหรับคนที่เป็นสิวเยอะและเป็นสิวหัวหนอง ให้เลือกทาตัวยาที่เป็นน้ำก่อน อย่างเช่น Clinda-M หรือ Dalacin-T โดยให้ทาเฉพาะจุดที่เป็นหนอง ทิ้งไว้ 3-5 นาทีแล้วค่อยไปที่ขั้นตอนต่อไปค่ะ

  • สำหรับคนที่เป็นสิวไม่มาก

     สามารถใช้ยา Salicylic Acid ความเข้มข้น 1-3% ทาเฉพาะจุดที่เป็นสิว ไม่จำเป็นต้องทาทั่วทั้งหน้าค่ะ

  • สำหรับคนที่มีจุดด่างดำและรอยสิว

     เมื่อเราทายารักษาสิวเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการรักษารอยสิวและจุดด่างดำค่ะ โดยเราสามารถเลือกใช้ยาลดรอยแผลเป็นและลดรอยดำตัวที่เราไม่แพ้ได้เลย ใช้แต้มทาเฉพาะจุดเหมือนกับยารักษาสิวค่ะ ส่วในคนที่มีสิวหัวหนอง แนะนำให้เลี่ยงไปก่อน เลือกทาบริเวณที่สิวหายและเป็นรอยสิวเท่านั้นค่ะ เมื่อทายาทั้งหมดในขั้นตอนนี้ ให้รอ 3-5 นาที เพื่อให้ตัวยาดูดซึมก่อน แล้วค่อยไปที่ขั้นตอนต่อไปค่ะ

 

4. เอสเซ็นต์และเซรั่ม

     เอสเซ็นต์หรือเซรั่มบำรุงผิว ถือเป็นสกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างบางเบาแต่ว่ามีสารบำรุงที่เข้มข้นค่ะ การทาเอสเซ็นหรือเซรั่มก็สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยเติมน้ำให้ผิว  ลดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส สาวๆ หลายคนอาจจะมีเอสเซ็นต์หรือเซรั่มบำรุงผิวหลายตัว ก็ให้พยายามเลือกแค่ตัวเดียวที่เหมาะกับสภาพผิวของเราในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าตัดใจไม่ได้จริงๆ จะเลือกทาตัวไหนก่อนดี ก็ให้ดูที่เนื้อสัมผัสของเอสเซ็นต์และเซรั่มที่เรามีค่ะ เลือกตัวที่เหลวใสมากกว่าเป็นตัวแรก ตัวที่มีเนื้อสัมผัสหนืดกว่าหรือขุ่นกว่าก็ให้ทาเป็นลำดับถัดมาค่ะ

 

5. มอยเจอร์ไรเซอร์และครีมบำรุงผิว

     มอยเจอร์ไรเซอร์และครีมบำรุงผิวถือว่ามีความสำคัญค่ะ เพราะผิวได้สูญเสียควมชุ่มชื้นไปในขั้นตอนของการทำความสะอาดผิว มอยเจอร์ไรเซอร์และครีมบำรุงผิว สามารถที่จัช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กลับคืนมา ช่วยปรับสมดุลของการผลิตน้ำมันของผิว และช่วยให้เอสเซ็นต์และเซรั่มที่เราทาไปก่อนหน้าสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ 

     การทาครีมบำรุงนี้ก็ให้เริ่มจากครีมสำหรับรอบดวงตาก่อน โดยในตอนเช้าเราอาจจะเลือกเป็นแบบเจลส่วนในตอนกลางคืนเราก็อาจจะเลือกเป็นปบบครีม จากนั้นจึงค่อยทาครีมบำรุงผิวหน้าหรือมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้าค่ะ เลือกเพียงตัวใดตัวหนึ่งก็พอ เพราะหากใช้หลายๆ ตัวอาจจะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ค่ะ

 

6. ทาครีมกันแดด

     หลังจากที่เราทายารักษาสิวและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปนั่นก็คือการทากันแดดค่ะ เพราะแสง UV สามารถเข้าทำลายผิวหนังของเราได้ก่อให้เกิดเป็นรอยแดง ผิวลอก เกิดริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น และมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ค่ะ รวมถึงเราควรป้องกันแสงสีฟ้าที่มาจากจอคอมพิวเตอร์หรือจอโทรศัพท์ด้วยเหมือนกัน เพราะแสงสีฟ้าแบบนี้ก็อันตรายไม่แพ้แสงแดดเลยค่ะ

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง