รีเซต

วิธีรักษาสิวอักเสบ ช่วงมีประจำเดือน สิวฮอร์โมน สิวประจำเดือนรักษายังไงดี

วิธีรักษาสิวอักเสบ ช่วงมีประจำเดือน สิวฮอร์โมน สิวประจำเดือนรักษายังไงดี
Faii_Natnista
23 ธันวาคม 2563 ( 16:30 )
12.3K

     ประจำเดือนมาทีไร สิวบุกทุกที อย่ารอช้า มาดู วิธีรักษาสิวอักเสบ ช่วงมีประจำเดือน ก่อนจะทิ้งรอยไว้ให้เจ็บใจกันด่วน! เชื่อว่าหลายๆ คน คงเลี่ยงสิวประจำเดือน ที่มักจะมาโผล่บนใบหน้าเราแบบตรงเวลาช่วงมีประจำเดือนกันไม่พ้น ซึ่งถ้าเลี่ยงไม่ได้ งานนี้ก็มาดูวิธีรักษาที่ควรทำกันค่ะ เพื่อป้องกันการอักเสบของสิวที่มากขึ้น และเพื่อป้องกันการเกิดรอยสิว ที่เจ้าสิวเหล่านี้จะทิ้งไว้หลังสิวหายอีกด้วย!

 

 

สิวประจำเดือน สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร

     สิวที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือนนั้น ก็คือสิวประจำเดือน หรือสิวฮอร์โมนนั่นเองค่ะ ซึ่งเจ้าสิวฮอร์โมนนี้ก็เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเรานั่นเอง โดยในช่วงก่อนมีประจำเดือนนั้นฮอร์โมนในร่างกายของเรามักจะแปรปรวน โดยเฉพาะฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) ซึ่งการมีฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) ในระดับที่สูงมากๆ จะทำให้เกิดการกระตุ้นการผลิตน้ำมันออกมามาก จนทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน เกิดเป็นสิวอุดตัน และเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นมานั่นเองค่ะ

     โดยสิวฮอร์โมนหรือสิวประจำเดือน ก็จะสังเกตได้ง่ายๆ ค่ะ เพราะเจ้าสิวตัวนี้มักจะเกิดขึ้นบริเวณคาง กราม รอบริมฝีปาก รวมไปถึงบริเวณทีโซนเล็กน้อย

 

สิวฮอร์โมน สิวประจำเดือนรักษายังไงดี

     เนื่องจากสิวประเภทนี้มันจะเกิดขึ้นช่วงก่อนที่เรามีประเดือนและระหว่างที่เรามีประจำเดือน ฉะนั้นการรักษาควรทำควบคู่ไปกับการป้องกันไม่ให้สิวเหล่านี้เกิดการอักเสบขึ้นค่ะ โดยวิธีรักษาสิวอักเสบ ช่วงมีประจำเดือน ก็แนะนำให้ทำตามนี้เลยค่ะ

1. ลดการสัมผัส แกะ เกา บริวเณที่มีสิวอักเสบ

     มือของเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นค่ะ หากไม่อยากให้สิวยิ่งปะทุหรืออักเสบจนเป็นตุ่มหนองใหญ่มากขึ้น แนะนำว่าไม่ควรจับ แกะ หรือเกา บริเวณนั้นบ่อยๆ เพราะแบคทีเรียจะยิ่งสะสมและทำให้สิวของเรายิ่งอักเสบมากขึ้น และจะนำไปสู่การเกิดรอยสิวได้ค่ะ

2. ลดการอักเสบด้วยการทายาแต้มสิว

     สำหรับสิวที่เกิดขึ้นและกลายเป็นสิวอักเสบ หากอยากให้สิวยุบไวเพื่อเลี่ยงการเกิดรอยสิว รอยดำในอนาคต แนะนำให้ทายาแต้มสิวเพื่อลดการอักเสบค่ะ โดยยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำให้สิวอักเสบแห้งเร็วขึ้น หรือครีมแต้มสิวที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ ก็สามารถช่วยลดสิวได้ดีเช่นเดียวกันค่ะ เนื่องจากเรตินอยด์จะเข้าไปผลัดเซลล์ผิวและผลักสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนออก ถือเป็นการช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวและไม่ทำให้เกิดสิวใหม่ได้

 

3. ลดการใช้เครื่องสำอางหรือลดการแต่งหน้าลง

     แน่นอนว่าการใช้เครื่องสำอางบางชนิดอาจก่อให้เกิดการอุดตันและทำให้สิวยิ่งอักเสบขึ้นได้ ฉะนั้นควรลดการแต่งหน้าให้น้อยลง หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน หรือไม่ก่อให้เกิดสิว (non-acnegenic) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedongenic)

4. ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ

     หากไม่อยากให้เกิดสิวอักเสบขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน ควรผลัดเซลลืผิวเป็นประจำเพื่อลดสิวอุดตันค่ะ โดยการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวไม่ว่าจะเป็นโทนเนอร์ มาส์ก หรือเซรั่ม ถ้าหากสกินแคร์ตัวไหนมีส่วนผสมของ Alpha-hydroxy acids, Salicylic acid หรือ Benzoyl peroxide ก็จะสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้ดี ทำให้ผิวหน้าสะอาด และไม่เกิดการอุดตุนรูขุมขนจนเกิดสิวค่ะ

5. ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับฮอร์โมน

     สำหรับใครที่มีสิวอักเสบขึ้นหนักๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ค่ะ โดยในบางรายแพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม หรือยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (Anti-Androgen) เพื่อลดสาเหตุที่ฮอร์โมนเพศชายจะมากระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวมากเกินไป แต่การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม หรือยาต้านฮอร์โมนเพศชายนั้นไม่แนะนำให้ซื้อมารับประทานเองนะคะ แนะนำว่าต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเท่านั้น!

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี