9 อาการคนท้องระยะแรก 1-3 เดือน คุณแม่มือใหม่เช็คลิสต์ได้ตามนี้เลย
อาการที่บ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์นั้นในแต่ละคนก็แตกต่างกันไปค่ะ สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งจะเป็นท้องแรก การเรียนรู้ อาการคนท้องระยะแรก นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยให้คุณแม่หายสับสนได้มากเลยค่ะ เพราะคนท้องนั้นไม่ได้มีแค่คลื่นไส้อาเจียนหรืออยากกินของเปรี้ยวๆ เท่านั้น ยังมีอาการอีกหลายอย่างเลยที่สามารถระบุได้ว่าเรากำลังตั้งครรภ์อยู่
อาการคนท้องช่วงระยะเริ่มต้น สำหรับในบางคนก็มีอาการมากแต่ในบางคนกลับไม่มีอาการอะไรผิดปกติกับร่างกายเลย แล้วคุณแม่มือใหม่จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังตั้งครรภ์เจ้าตัวน้อยอยู่ วันนี้เรามีวิธีสังเกตอาการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกมาไว้ให้ว่าที่คุณแม่ได้ลองเช็คลิสต์กันค่ะ
อาการคนท้องช่วงระยะเริ่มต้น
1. ประจำเดือนขาด
แน่นอนว่าเมื่อตั้งท้องแล้ว ประจำเดือนของเราจะต้องขาดไป หากเราได้มีการจดบันทึกการมาของรอบเดือนไว้ก็จะยิ่งดีเพราะจะช่วยให้เราตรวจเช็คได้ง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งหากประจำเดือนของเราขาดไปเกิน 10 วัน ก็ให้สังเกตตัวเองได้แล้วว่าอาจจะตั้งครรภ์ค่ะ อย่างไรก็ตามการที่ประจำเดือนขาดเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มีอาการคนท้องอื่นๆ ร่วมด้วย อาจเป็นไปได้ว่ามาจากสาเหตุอื่น ทั้งความเครียด การกินยาคุมกำเนิดหรืออาจจะเป็นโรคบางอย่างก็ได้ค่ะ
2. คัดเต้านม
เมื่อเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ฮอร์โมนในร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนค่ะ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มาจากรกและรังไข่ ทำให้เต้านมมีการขยายขนาดขึ้น มีการคัดตึงที่บริเวณเต้านม หัวนมหรือลานนมจะขยายใหญ่และมีสีเข้มมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเห็นได้ในระยะแรกเริ่มเลย ซึ่งหากว่าที่คุณแม่มีอาการแบบนี้ก็ให้เตรียมเปลี่ยนขนาดของเสื้อชั้นในได้แล้วค่ะ
3. มีเลือดออกเล็กน้อย
การตั้งครรภ์ในช่วงระยะเริ่มแรกอาจทำให้ว่าที่คุณแม่มีอาการเลือดออกเล็กน้อยคล้ายกับการมีประจำเดือนได้ค่ะ ซึ่งการที่เลือดออกแบบนี้ หลายๆ คนก็เรียกกันว่า "เลือดล้างหน้าเด็ก" เกิดจากการที่มีความเปลี่ยนแปลงภายในมดลูก เพราะตัวอ่อนจะฝังตัวที่บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งอาจจะทำให้มีเลือดออกเล็กน้อยสีชมพูหรือสีแดงจางๆ แต่จะไม่มีอาการปวดเกร็งท้องและหลังจากนั้นจะหายไปเองค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณแม่เริ่มมีเลือดออกมากขึ้น รวมถึงมีอาการปวดเกร็งท้องร่วมด้วย ให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการท้องนอกมดลูกได้ค่ะ
4. อ่อนเพลีย เมื่อยล้า
คุณแม่จะเริ่มมีอาการอ่อนเพลียและเมื่อยล้าได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นค่ะ ทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติเพื่อเลี้ยงทารกในครรภ์ ซึ่งนอกจากจะเมื่อยเนื้อตัวแล้วในบางรายยังเริ่มมีอาการปวดหลังร่วมด้วยค่ะ
5. ท้องผูก ท้องอืด
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นทำให้คุณแม่มีอาการท้องผูก ท้องอืดและรู้สึกไม่สบายท้องได้ค่ะ เพราะฮอร์โมนชนิดนี้ส่งผลกระทบกับระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้การที่มดลูกขยายตัวขึ้น ยังทำให้ไปเบียดกับบริเวณลำไส้ใหญ่ได้ ส่งผลกระทบกับการบีบตัวของลำไส้และทำให้เกิดอาการไม่สบายท้องตามมาค่ะ
6. ปัสสาวะบ่อย
ในช่วงเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายๆ คนอาจมีการปัสสาวะบ่อยมากขึ้นค่ะ เนื่องจากในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะในช่วงเริ่มแรก (1-3 เดือน) มดลูกจะขยายตัวเพื่อรองรับทารกในครรภ์ ส่งผลให้มีเลือดไปเลี้ยงที่บริเวณมดลูกมากขึ้น ซึ่งในกระบวนการนี้จะส่งผลให้ร่างกายมีของเหลวมากขึ้นค่ะ เมื่อมารวมกับการที่มดลูกขยายตัวทำให้ไปเบียดที่กระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้คุณแม่ปัสสาวะบ่อยขึ้นนั่นเองค่ะ
7. อารมณ์แปรปรวน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและอาการไม่ค่อยสบายตัวต่างๆ ทำให้ในช่วงนี้คุณแม่อาจจะมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายค่ะ โดยเฉพาะอาจจะมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่ายกว่าปกติ ซึ่งเป็นได้ทั้งตื่นเต้นได้ง่ายหรือร้องไห้ง่ายกว่าเดิมก็ได้ค่ะ
8. ไวต่อกลิ่น
ถือเป็นหนึ่งในอาการแพ้ท้องยอดฮิตเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถพบได้บ่อยในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ค่ะ ซึ่งอาการไวต่อกลิ่นนี้ก็อย่างเช่น กลิ่นน้ำหอมที่ปกติคุณแม่รู้สึกชอบ เมื่อมีอาการแพ้ท้องก็อาจจะรู้สึกว่าน้ำหอมขวดนี้มีกลิ่นที่แรงเกินไป หรือในบางรายก็อาจจะรู้สึกเหม็นกลิ่นสามีขึ้นมาก็ได้ค่ะ ซึ่งอาการแบบนี้ในบางคนก็อาจจะมีไปเรื่อยๆ จนถึงใกล้คลอดเลยก็ได้
9. มีไข้ต่ำๆ
คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอุณหภูมิในร่างกายที่สูงกว่าคนปกติค่ะ เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ อย่าง รวมถึงร่างกายยังต้องสร้างเลือดเพิ่มเพื่อไปเลี้ยงทารกในครรภ์ เพื่อขยายเต้านมและเพื่อสร้างเนื้อเยื่อใหม่ด้วย ซึ่งในช่วงที่กำลังท้องอ่อนๆ แบบนี้ อาจจะทำให้คุณแม่มีอาการไข้ต่ำๆ ก็เป็นได้ค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
