ทำไมอยู่บ้านต้องทาครีมกันแดด? คิดว่าอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เจอแดดก็ไม่ต้องทาไม่ได้!
ทำไมอยู่บ้านต้องทาครีมกันแดด? คงเป็นคำถามที่ใครหลายๆคนสงสัย เพราะเราไม่ได้ออกนอกบ้านไปเจอแสงแดดซะหน่อย! แต่จริงๆแล้วเราไม่อาจรู้ได้เลยค่ะว่า ภายในบ้านของเรายังมีตัวการทำร้ายผิวอื่นๆอยู่อีก! ซึ่งนอกจากเราจะใช้เวลาอยู่บ้านนานๆแบบนี้ในการบำรุงผิวหน้าแบบครบสูตรแล้ว เรายังจะต้องทาครีมกันแดดด้วยค่ะ เพราะสิ่งที่เราบำรุงมาทั้งหมดก็อาจจะไม่ได้ผลเลย โดยเฉพาะการผลัดเซลล์ผิวที่ทำให้ผิวเราบอบบางลง และยิ่งเสี่ยงต่อการโดนทำร้ายได้มากกว่าเดิม ดังนั้นครีมกันแดดจะเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องผิวหน้าของเราได้นั่นเอง
ทำไมอยู่บ้านต้องทาครีมกันแดด?
แม้ว่าเราจะอยู่บ้านเฉยๆ และคิดว่า...ไม่ได้ออกไปข้างนอก ไม่เจอแสงแดด ไม่ต้องทาหรอก ประหยัดครีมกันแดด จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ...หากใครที่มีความคิดแบบนี้ต้องรีบปรับเปลี่ยนด่วนเลยนะคะ เพราะรู้หรือไม่คะว่า...แม้จะอยู่ที่บ้าน แต่เพียงแค่เราเปิดม่าน เปิดหน้าต่าง ให้แสงเข้ามาภายในบ้าน เท่านี้ก็ถือเป็นการปล่อยให้รังสี UVA เข้ามาได้แล้วล่ะค่ะ
และแม้ว่าจะปิดม่าน อยู่ในห้องเปิดไฟเฉยๆ แต่แสงจากหลอดไฟ LED ก็สามารถทำร้ายผิวของเราได้เช่นกัน รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันที่ต้องอยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือหน้าจอคอมตลอดเวลา ก็ยังจะมีแสง Blue light จากหน้าจออีกนี่แหละที่คอยจ้องทำร้ายผิวเราอยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ ดังนั้นเราจึงต้องทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวของเราแม้จะอยู่บ้านนั่นเอง
อันตรายของรังสี UVA และ Blue light
หลายๆคนก็อาจจะคิดอีกว่า หน้าต่างกระจกหรือผ้าม่านที่บ้านสามารถป้องกันแสงแดดได้ ยังไงรังสี UV ก็ไม่มีทางเข้ามาได้...แต่จริงๆแล้วรังสี UV นั้นมีทั้งรังสี UVA และ UVB ค่ะ โดยรังสีที่เราสามารถป้องกันไม่ให้เข้ามาในบ้านได้คือรังสี UVB แต่เราไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ได้! และเจ้าตัว UVA นี้เองที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเราได้ถึงชั้นผิวหนังแท้เลยล่ะค่ะ ถือว่าอันตรายกว่ารังสี UVB นะคะ
หากผิวเราโดนรังสี UVA แล้วล่ะก็ จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังและลดประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจนลงได้ นอกจากนั้นยังทำให้ผิวเราดูแก่กว่าวัยด้วยนะคะ ซึ่งแสงจากหลอดไฟ LED หรือ Blue light ก็สามารถทำร้ายผิวหนังของเราได้ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังและผิวดูแก่กว่าวัยได้เช่นเดียวกันค่ะ
วิธีเลือกครีมกันแดด
เมื่อเรารู้แล้วว่ารังสี UVA นั้นอันตรายที่สุด ดังนั้นเราจึงต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ เพราะถ้าหากปกป้องรังสี UVA ได้แล้ว ก็จะสามารถปกป้องรังสี UVB, แสงจากหลอดไฟ LED และแสง Blue light ได้เช่นเดียวกันค่ะ โดยเราจะต้องดูที่ส่วนผสมในครีมกันแดดนั้นๆว่ามีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องรังสี UVA หรือไม่ ซึ่งส่วนผสมที่จะสามารถปกป้องได้คือ...Zinc oxide และ Titanium dioxide นั่นเอง
เราจะสามารถพบส่วนผสมเหล่านี้ได้ในครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreens ค่ะ หรืออีกหนึ่งทริคคือให้เลือกครีมกันแดดที่มีสิ่งเหล่านี้เขียนอยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าสามารถป้องกันรังสี UVA ได้นั่นเอง
- Physical Sunscreens
- Non Chemical Sunscreens
- Zinc oxide
- Titanium dioxide
- Broad-spectrum
- PA+ (การปกป้องแล้วแต่จำนวน +)
บทความที่คุณอาจสนใจ
- วิธีเลือกซื้อครีมกันแดดที่ปกป้องได้จริง ดูแค่ SPF อย่างเดียวไม่พอ พร้อมสู้แดดซัมเมอร์นี้!
- 7 กันแดด ช่วยกันแสงสีฟ้า ทำงานหน้าจอต้องมี Work from Home ยิ่งต้องใช้!
- 5 ครีมกันแดด สำหรับสาวหน้ามัน แห้งเร็ว ซึมไว ไม่เหนียว ไม่เยิ้ม!