คาร์เทียร์ เปิดตัว โบเต้ ดู มงด์ (Beautés du Monde) เครื่องประดับชั้นสูงที่รังสรรค์ขึ้นจากความงดงามของโลก
คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่
สร้อยคอนูชาลิ (Nouchali)
สร้อยคอนูชาลิ (Nouchali Necklace) เปรียบเสมือนความมหัศจรรย์แห่งดอกไม้น้ำที่คาร์เทียร์พินิจเห็นถึงความงดงาม ผสานสไตล์การออกแบบที่รังสรรค์ให้สร้อยคอดอกวอเทอร์ลิลลี่หรือดอกบัวสาย แลดูราวกับงานประติมากรรม ดึงดูดสายตาด้วยรูเบลไลต์ขนาด 10.61 กะรัตที่ล้อมรอบด้วยกลีบดอกไม้ประดับเพชรระยิบระยับและตัดขอบแต่ละกลีบให้ยิ่งเปล่งประกายเด่นชัดด้วยออนิกซ์สีดำขลับ สร้อยคอดอกบัวที่แลดูอ่อนช้อยบอบบางนั้นล้วนประกอบขึ้นจากรูปทรงเรขาคณิต หนึ่งในสัญลักษณ์เด่นของเครื่องประดับชั้นสูงจากคาร์เทียร์
องค์ประกอบทั้งหมดถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันเพื่อเนรมิตดีไซน์แบบโปร่ง คล้ายกับด้านหลังของงานศิลปะกระจกสีกุหลาบอันลือลั่น ภาพของดอกบัวที่กำลังผลิบานราวกับมีชีวิตชัดเจนขึ้นด้วยการฝังตัวเรือนแบบเทรมบลิ้ง (Trembling Setting) ซึ่งมอบจิตวิญญาณให้กลีบดอกบัวพลิ้วไหวแม้ขยับเพียงเล็กน้อย คาร์เทียร์จินตนาการว่าดอกไม้ดอกนี้กำลังลอยล่องไหลไปตามสายน้ำ เช่นเดียวกับสร้อยคอนูชาลีที่ลูกปัดคาลซิโดนีสีไลแลคถูกร้อยเรียงอย่างประณีตบรรจงทีละเม็ดเพื่อมอบความรู้สึกเบาบางราวกับหยดน้ำ
สร้อยคอรีซิฟ (Recif)
สร้อยคอรีซิฟ (Recif Necklace) สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อยกย่องความสวยงามของแนวปะการังใต้น้ำด้วยแรงบันดาลใจจากระบบนิเวศของท้องทะเล ซึ่งเล่าเรื่องสมดุลยภาพที่ลงตัวระหว่างพืชพรรณและสัตว์นานาชนิดโดยนักสร้างสรรค์เครื่องประดับคาร์เทียร์นำมรกตและปะการังมาเจียระไนเป็นทรงเม็ดมะยม และร้อยเรียงไว้บนเรือนสร้อยคอทรงวงแหวนเกือกม้าที่ประดับด้วยเพชรวาววับ เผยให้เห็นผลงานสร้างสรรค์ที่มีส่วนผสมแห่งสีสันอันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์ ได้แก่ สีส้มสดใสของปะการังและสีเขียวรุ่มรวยของมรกต
ลูกปัดคู่สีที่ตัดกันนี้ยังถูกขับเน้นให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการร้อยเรียงให้เสมือนถูกบิดเป็นเกลียวทั่วทั้งเส้นพร้อมไปกับเพชรน้ำงามที่ส่องประกาย องค์ประกอบอันเย้ายวนระหว่างเพชรระยิบระยับ ปะการังและมรกตทรงเม็ดมะยมประดับอเมทิสต์และมรกตทรงหลังเบี้ยคือสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์ ซึ่งถูกตีความใหม่ผ่านความเชี่ยวชาญทางหัตถศิลป์เพื่อให้มั่นใจว่าสร้อยคอจะสามารถมอบความรู้สึกสบายยามสวมใส่แม้มาในดีไซน์แบบบิดเกลียว
Beautés du Monde Jewellery Collection (โบเต้ ดู มงด์) จิวเวลเลอรี่คอลเลคชั่น
นอกเหนือจากไฮจิวเวลรีคอลเลคชั่นที่ประกอบด้วยเครื่องประดับอัญมณีสูงค่าที่ไม่มีใครเหมือนแล้ว คาร์เทียร์ยังสร้างสรรค์ คอลเลคชั่นเครื่องประดับขึ้นอีก 3 ชุดเพื่ออุทิศให้กับความงดงามของโลกใบนี้อีกด้วย
เครื่องประดับชุดแรกแสดงถึงความสนใจของคาร์เทียร์ที่มีต่อให้ขนสัตว์และหนังของสรรพสัตว์มากว่าศตวรรษ ลวดลายของม้าลายจึงถูกนำมาตีความใหม่เพื่อประดับอยู่บนสร้อยคอในคอลเลคชั่นเครื่องประดับชุดนี้ ในส่วนของโซ่นั้น ลวดลายจะแลดูเป็นลายแฝงเชิงนามธรรมมากกว่าลายม้าลายที่เด่นชัด โดยใช้เพชร แท่งลูดปัดออนิกซ์ และรูเบลไลต์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสไตล์ของคาร์เทียร์มามากกว่าศตวรรษ รังสรรค์ออกมาเป็นโครงสร้างพร้อมทั้งช่วงจังหวะที่ทรงพลังให้กับองค์ประกอบต่างๆ และเพื่อรักษาประเพณีดั้งเดิมของคาร์เทียร์ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับที่สามารถแยกส่วนประกอบและสวมใส่ได้หลายแบบ สร้อยเส้นนี้จึงสามารถสวมใส่เป็นกำไลเส้นคู่หรือเป็นสร้อยติดคอแบบโชกเกอร์ได้
เครื่องประดับชุดที่สอง คาร์เทียร์ตระหนักรู้ถึงพลังแห่งความสวยงามของธรรมชาติแม้เพียงรายละเอียดที่เล็กที่สุด จึงได้นำเอาความสามารถนั้นมานำเสนอเป็นผลงานสร้างสรรค์มากมาย และในทีนี้เมซงได้นำแรงบันดาลใจจากต้นปาล์มซึ่งเคยถูกนำมาใช้ในการออกแบบเข็มกลัดทับทิมเมื่อปี 1957 โดยการนำโครงสร้างของลำต้นมาทอดยาวเป็นสายสร้อย คั่นช่วงด้วยลูกปัดรูเบลไลต์แทนผลปาล์มสีแดงก่ำและเรียงร้อยด้วยองค์ประกอบเดิมซ้ำไปจนรอบเส้น เพื่อมอบโครงสร้างเชิงกราฟิกให้กับสร้อยคอเส้นนี้ พร้อมสีสันที่ตัดกันอย่างสีแดงและสีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคาร์เทียร์ ออนิกซ์สีดำวาวช่วยเน้นลายให้ชัดเจน ผสานมิติลุ่มลึกให้สร้อยคอเส้นนี้ยิ่งแลดูทรงพลัง
สำหรับเครื่องประดับชุดนี้ คาร์เทียร์ได้นำอีกลวดลายจากธรรมชาติบนตัวผีเสื้อมาตีความใหม่ โดยให้ความสำคัญกับปีกของผีเสื้อ ซึ่งถ้าเพ่งมองในระยะใกล้แล้วจะเห็นโครงสร้างของลวดลายที่สวยงามแปลกตาราวกับผลงานศิลปะเชิงนามธรรม โดยการออกแบบนั้นเล่นกับความเป็นไปได้ที่หนึ่งลวดลายจะสามารถสรรสร้างได้ โดยใช้ชุดสีที่คาร์เทียร์เลือกใช้มามากกว่าศตวรรษ ได้แก่ ออนิกซ์สีดำขลับและรูเบลไลต์สีแดงก่ำ เพื่อรักษาสมดุลและเสริมมิติให้กับภาพรวมของทุกชิ้นงาน ทั้งสองสีล้วนมอบจังหวะให้กับท่วงทำนองแห่งดีไซน์ พร้อมเผยความโดดเด่นเชิงกราฟิกอีกด้วย
Beautés du Monde (โบเต้ ดู มงด์) คอลเลคชั่นไฮจิวเวลรีที่เชื้อเชิญทุกคนให้ร่วมแบ่งปันจินตนาการและผจญภัยไปในเส้นทางของตนเอง เพื่อเก็บเกี่ยวความงดงามของโลกใบนี้ผ่านสเปคทรัมแห่งแสงสี รูปทรงต่างๆ และวัสดุนานาชนิดที่เรียกความทรงจำให้กลับมาสร้างแรงบันดาลใจและพาเราให้เคลิ้มไปกับจินตนาการอันเลอค่าเหล่านั้น
