รีเซต

Social Distancing คืออะไร? ห่างกันสักพักช่วงนี้ หนี COVID-19 ได้ดีกว่า!

Social Distancing คืออะไร? ห่างกันสักพักช่วงนี้ หนี COVID-19 ได้ดีกว่า!
Faii_Natnista
23 มีนาคม 2563 ( 13:30 )
2.8K
5

     ห่างกันสักพักก ห่างกันสักพักกก~ ช่วงนี้เราจะเห็นได้ว่าการเว้นระยะห่างกับบุคคลอื่น หรือ Social Distancing เป็นมาตรการที่ถูกนำมาใช้และมีการรณรงค์ให้ปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 กันมากขึ้น ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังสงสัยว่า Social Distancing นั้นคืออะไร และต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

 

 

Social Distancing คืออะไร?

     Social Distancing หรือที่แปลว่า การเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น ก็คือการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับบุคคลอื่นๆ งดการพบปะพูดคุย หรืองดการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในสังคมนั่นเอง ซึ่งนั่นรวมถึงการลดการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ งดการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และ Work fom Home หรือทำงานที่บ้าน โดยการทำพฤติกรรมตามที่กล่าวมาจะช่วยลดการพบปะกับคนจำนวนมากในคราวเดียว และลดการใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนอื่นนานเกินไปได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเว้นระยะห่างทางสังคมเช่นนี้จะช่วยลดการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ได้ดีนั่นเองค่ะ

     อย่างที่เราเห็นกันล่าสุดว่ารัฐได้มีมาตรการในการปิดห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิงต่างๆ ที่อาจเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก ก็เพื่อให้ทุกคนได้เว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น ซึ่งหากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเว้นระยะห่างระหว่างกัน ออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็น ก็จะช่วยยับยั้งการระบาดของโรคนี้ได้อย่างแน่นอนค่ะ

 

ข้อแนะนำในการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

      สำหรับการเว้นระยะห่างทางสัมคมก็มีหลายสิ่งค่ะ ที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ บางอย่างอาจเป็นแค่การปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำแล้วได้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นมากเลยทีเดียวค่ะ มาดูกันค่ะว่าจะมีสิ่งไหนที่เราควรทำกันบ้าง

1. หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน หรือการใช้ขนส่งสาธารณะ การเดินทางออกนอกบ้านแน่นอนว่าต้องพบปะผู้คนมากมายค่ะ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนที่เราเจอในแต่ละวันนั้นติดเชื้อ COVID-19 แล้วหรือยัง อีกทั้งขนส่งสาธารณะนั้นก็มีความหนาแน่น ทั้งยังต้องมีการใช้หรือจับต้องสิ่งของร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นราวจับ หรือที่นั่ง เช่น บนรถเมล์ รถไฟฟ้า ฉะนั้นการเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านและลดการใช้ขนส่งสาธารณะก็จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มากค่ะ แต่หากจำเป็นต้องใช้ขนส่งสาธารณะจริงๆ แนะนำให้รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร และล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังจับสิ่งของสาธารณะค่ะ (คลิกอ่าน เช็คลิสต์ 8 วิธี Social Distancing หนีโควิด COVID-19 ออกจากบ้านเมื่อไหร่ ต้องไม่พลาด!)

2. งดการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการประกอบพิธีทางศาสนา การชมคอนเสิร์ต กิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นที่รวมตัวของคนหมู่มาก ซึ่งการเว้นระยะห่างระหว่างกันอาจทำได้ยาก

3. Work from Home การทำงานที่บ้านก็ถือเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ดีเลยค่ะ ทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ช่วยลดการเดินทางออกนอกบ้าน ลดการใช้ขนส่งสาธารณะ ทั้งยังช่วยลดการแพร่เชื้อภายในบริษัทได้อีกด้วยล่ะค่า (คลิกอ่าน Work from Home คืออะไร? ทำงานที่บ้านยังไงให้มีประสิทธิภาพ)

4. ติดต่อสื่อสารกันผ่านโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ต เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า สำหรับใครที่ต้องทำงานร่วมกัน ประชุมงานร่วมกัน แนะนำให้ติดต่อสื่อสารกันผ่านอินเตอร์เน็ต อย่างเช่นการวิดิโอคอล จะช่วยลดความเสี่ยงในการต้องอยู่ร่วมกันอย่างแออัดในห้องประชุมได้ค่ะ หรือจะโทรฟรีผ่านแอปทรูไอดี ก็โทรหากันได้ทุกเครือข่าย แบบไม่เสียค่าโทร ไม่เปลืองค่าเน็ต ถ้าคุยผ่านไลน์มันเหงา อยากได้ยินเสียงเขา มาลองโทรฟรีผ่านแอปทรูไอดีกัน (คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่)

5. ลดการรับประทานอาหารร่วมกัน ในช่วงนี้การกินร้อนช้อนกลางอาจไม่เพียงพอซะแล้วล่ะค่ะ แนะนำให้กินอาหารแยกจานสำหรับคนเดียว งดการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือบนโต๊ะเดียวกัน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อที่อาจติดต่อกันผ่านทางน้ำลายได้

6. ซื้ออาหารและสินค้าผ่านทางออนไลน์ หากต้องออกไปซื้ออาหารนอกบ้าน ควรรีบซื้อและนำกลับมากินที่บ้าน แต่ถ้าอยากลดการเดินทางออกนอกบ้านก็แนะนำให้ซื้ออาหารหรือสินค้าต่างๆ ที่จำเป็นผ่านทางออนไลน์แทนค่ะ นอกจากจะลดการสัมผัสสิ่งของร่วมกับผู้อื่นได้แล้ว ยังช่วยลดการใส่แมสก์ ซึ่งช่วยให้ประหยัดและเก็บแมสก์ไว้ใช้ในช่วงเวลาที่จำเป็นได้ด้วยค่ะ (คลิกอ่าน 6 แอปพลิเคชัน ซื้อของเข้าบ้าน ถึงจะไม่ได้ออกไปไหนก็ช้อปปิ้งออนไลน์ได้)

7. ลดการใช้ลิฟต์และขึ้นลงด้วยบันไดแทน อีกหนึ่งสิ่งที่ถือว่ามีการใช้ร่วมกันมากที่สุดก็คือลิฟต์นี่ล่ะค่ะ อีกทั้งลิฟต์ยังเป็นสถานที่ที่แออัด มีอากาศถ่ายเทน้อย จึงเป็นสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ง่าย แม้ว่าจะลิฟต์ในบางสถานที่จะมีการจำกัดให้ขึ้นได้ในจำนวนที่น้อยคนแล้ว แต่หากลดการสัมผัสได้ด้วยการขึ้นลงบันไดแทนก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้นค่ะ 

8. เรียนออนไลน์แทนการเรียนในชั้นเรียน นอกจาก Work from Home แล้ว การเรียนออนไลน์ ก็จะช่วยลดการเดินทางออกนอกบ้านได้เช่นกันค่ะ ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดภายในมหาวิทยาลัยและห้องเรียนได้ โดยในปัจจุบันก็มีหลายแพลตฟอร์มค่ะที่สนับสนุนการเรียนออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Microsoft Teams หรือ Google Hangout

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง