FENDI เผยโฉมคอลเล็กชั่นน้ำหอมเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก กับ 7 กลิ่น 7 บุคลิก
เมื่อใกล้เข้าสู่การครบรอบ 100 ปีของเมซงโรมัน FENDI เผยโฉมความเป็นตัวตนผ่านรูปแบบใหม่ ด้วยแง่มุมที่เข้าถึงง่ายและยังใกล้ชิดกับผิวยิ่งขึ้น ผ่านความเอ็กซ์คลูซีฟของน้ำหอมทั้ง 7 กลิ่น ซึ่งรวบรวมจิตวิญญาณของเมซงที่จะพาย้อนรอยไปสู่ตำนาน รวมไปถึงการสร้างคุณค่าในความเป็นตัวตนและดื่มด่ำไปกับวัฒธรรมของตระกูล FENDI อันเป็นเอกลักษณ์
เรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นหอมนี้เกิดขึ้นจากรากฐานในปี ค.ศ. 1925 เมื่อ Adele Casagrande Fendi และ Edoardo Fendi สามีของเธอเปิดตัวเวิร์คช็อปด้านขนเฟอร์และสินค้าเครื่องหนัง ณ กรุงโรม ซึ่งเป็นการส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จากผู้นำตระกูลสู่สตรีผู้แข็งแกร่งที่เป็นทั้งผู้สร้างและให้แรงบรรดาลใจผ่านครอบครัวซึ่งมีความผูกพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษ การเล่าเรื่อง ความมีชีวิตชีวา ตัวตน และความล้ำค่า รวมไปถึงความหลงใหล จนมาเป็นเรื่องเรื่องราวบทสรุปอนาคตของการผลิตน้ำหอม
FENDI เสนอเรื่องราวของน้ำหอม 7 กลิ่น 7 บุคลิก รวมถึงความหลากหลายของสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยน้ำหอมทั้ง 7 กลิ่นนี้สื่อถึงความกลมเกลียวในครอบครัว ผ่านคอลเล็กชั่นอันเปรียบเสมือนคำเชิญสำหรับการร่วมเดินทางไปพบกับความสัมพันธ์และบุคคลสำคัญของ FENDI
FENDI ROMA เมืองที่ปลุกทุกประสาทสัมผัส
ผู้คนสามารถเยี่ยมชมกรุงโรมได้ผ่านทั้งทางสายตา หัวใจ และสัมผัสถึงกลิ่นได้ด้วยจมูก ตั้งแต่กลิ่นของก้อนหินและหินอ่อนที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวันในขณะที่ดวงอาทิตย์กระจายแร่ธาตุออกมา หรือกลิ่นหอมของต้นสนร่ม (umbrella pines) ความสดชื่นของสวนด้วยเหล่าพันธุ์ไม้อย่าง ต้นลอเริล (laurel) ต้นกุหลาบ และต้นผกากรอง (lantana) กลิ่นหอมอันโดดเด่นของเครื่องหนังจากการเวิร์คช็อปของช่างฝีมือ สิ่งนี้เหล่าเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่ากรุงโรมคือเมืองแห่งน้ำหอม FENDI หัวใจหลักแห่งกรุงโรม อันเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของชีวิตอันแสนหวาน (Dolce Vita) ที่ถูกอธิบายโดย Federico Fellini นอกจากนี้ยังรวมถึงความหรูหราด้วยการผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความงดงามและความขบขันอันแปลกใหม่ พร้อมการผสมผสานสิ่งที่แต่งต่างอย่างความอลังการและความเรียบง่ายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยแท้จริงแล้ว FENDI มีความเป็นโรมันก่อนจะแปรผันมาเป็นแบบอิตาเลียน ซึ่งเมซงได้สะท้อนคุณค่าของเมืองด้วยการน้อมรับประวัติศาสตร์ และการเปรียบเปรยถึงจิตวิญญาณของเมืองนี้
ศิลปะและงานฝีมือ FENDI ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุที่ไม่มีใครเทียบได้
ต้นกำเนิดของ FENDI เกิดจากวัสดุชั้นสูงซึ่งหาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นขนเฟอร์และเครื่องหนัง ซึ่งพวกเขาต้องการงานฝีมือที่มีความละเอียดอ่อน ความเอาใจใส่ และความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ด้วยมือเป็นอย่างมาก พวกเขามักจะคำนึงถึงความแม่นยำและยับยั้งซึ่งการประมาณค่า โดยต้องการงานฝีมือระดับสูงสุดตามประเพณีช่างฝีมืออันบริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งคือรากฐานที่ใช้สร้างเมซงโรมัน และยังคงสานต่องานฝีมือต่าง ๆ มาเป็นเวลาเกือบศตวรรษ ในปัจจุบันคอลเล็กชั่นน้ำหอมเปรียบเสมือนภาพสะท้อนของศิลปะนี้ พร้อมทั้งการแสดงออกถึงกลิ่นที่แสดงถึงแก่นแท้ของ FENDI อันเป็นเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ พร้อมความรักในการเลือกใช้วัสดุที่ดีเลิศด้วยความเชี่ยวชาญ
ดอกส้มสกัดเข้มข้นจากประเทศตูนิเซีย (Tunisia) หรือมะกรูดจากแคว้นคาลาเบรียในอิตาลี น้ำมันหอมระเหยไม้แอตลาสซีดาร์ (Atlas cedar) พัตชูลี (Patchouli) หรือ พิมเสนจากประเทศอินโดนีเซีย ดอกไอริสจากประเทศฝรั่งเศส วานิลลาจากมาดากัสการ์ ส่วนผสมเหล่านี้ถูกคัดสรรมาอย่างดีและเข้มข้นที่สุด โดยมีความเข้มข้นสูงถึง 18% โดยเฉลี่ย อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติและชีวภาพที่ประกอบขึ้นเป็นพาเลทของนักปรุงน้ำหอม 3 ท่านที่สร้างสรรค์น้ำหอมทั้ง 7 กลิ่นในคอลเล็กชั่นนี้
โดย Quentin Bisch Fanny Bal และ Anne Flipo ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์น้ำหอมตามที่ผู้สร้างเมซงได้จินตนาการไว้ ได้แก่ Silvia Venturini Fendi ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกเครื่องประดับและเสื้อผ้าบุรุษ Delfina Delettrez Fendi ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกจิวเวลรี่ รวมถึง Kim Jones ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกกูตูร์และเสื้อผ้าสตรี ล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการสร้างสรรค์ศิลปะทั้งหมด
ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ถูกรวบรวมเข้าด้วยกันในงานทั้งหมดของเมซงและเป็นรากฐานของศาสตร์น้ำหอมชั้นสูงผ่านเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ FENDI บรรจุภัณฑ์ที่สามารถเติมได้นั้นถูกสร้างขึ้นโดยช่างแก้วที่ดีที่สุด เรียบง่ายและชวนให้หลงใหล อ่อนโยนและเป็นแบบแผน ในขณะเดียวกันยังมีความละเอียดอ่อนและมีเอกลักษณ์ โดดเด่นและบริสุทธิ์ ทักษะที่แม่นยำของการแกะสลักด้วยเหล็กแหลมได้สร้างโค้งที่เป็นลักษณะทั่วไปของสถาปัตยกรรมโรมัน การออกแบบขวดน้ำหอมที่มีรายละเอียดทองเหลืองและความละเอียดอ่อนบนฝาที่มีสัญลักษณ์ FF อันเป็นเอกลักษณ์นั้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง อย่างการควบคุมวัสดุและนำเสนอในรูปแบบที่บริสุทธิ์และสูงส่งที่สุด
การปรากฎอยู่ในร่างใหม่ กลิ่นหอมแห่งการบรรยายมหาตำนานของครอบครัว
โดยน้ำหอมแต่ละกลิ่นได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในบุคลิกอันโดดเด่นด้วยการเลือกเองของครอบครัวที่มีความสนิสนมกลมเกลียวกัน ความทรงจำของพวกเขาได้หลอมรวมไปกับนักปรุงน้ำหอมเพื่อสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นที่แสดงออกในแต่ละสัดส่วน พร้อมด้วยความอ่อนโยน ความมีอารมณ์ขัน และความเรียบง่าย
Adele Casagrande Prima inter pares หรือ ผู้นำตระกูล พร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Casa Grande โดยชื่อนี้สื่อถึงโชคชะตาและความสำเร็จของ FENDI ด้วยกลิ่น Casa Grande นี้ นับเป็นสัญลักษณ์ของเมซงอันยิ่งใหญ่
Anna Fendi ลูกสาวของเธอและเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้อง Fendi ในตำนาน พร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Dolce Bacio สะท้อนถึงความทรงจำของความรักจากแม่
Silvia Venturini Fendi ทายาทรุ่นที่สามของครอบครัว ผู้สร้างสรรค์กระเป๋าไอคอนิกอย่างกระเป๋า Baguette และกระเป๋า Peekaboo โดยมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Perché No แสดงออกถึงที่เธอทำขึ้นด้วยตัวเอง เพราะสำหรับ FENDI แล้วไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้
ลูกสาวสองคนของเธออย่าง Leonetta Luciano Fendi และ Delfina Delettrez Fendi ทายาทรุ่นที่สี่ของครอบครัวที่เข้าร่วมเมซงตามลำดับ โดยมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Ciao amore ซึ่งสื่อถึงการทักทายที่เป็นเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติอย่างหนึ่ง และน้ำหอมกลิ่น Semper mio ที่บ่งบอกถึงรากฐานที่สืบสานมาจากมรดก
ฝาแฝดหนุ่มที่ตามมาอย่าง Tazio และ Dardo Vascellari Delettrez Fendi มาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น La Baguette นำเสนอถึงความเรียบง่ายอันประณีตที่มาบรรจบกับกระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์
และท้ายที่สุด Kim Jones ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Prima terra สื่อถึงดินแดนแห่งวัยเด็ก
น้ำหอมแต่ละกลิ่นได้เชิญชวนให้ค้นหาสวนแห่งความลับที่ร้อยเรียงเรื่องราวของคอลเล็กชั่นนี้
“คอลเล็กชั่นน้ำหอมได้บอกเล่าเรื่องราวของ FENDI จากอีกมุมมองหนึ่ง และแสดงออกถึงแก่นแท้ของเมซงในรูปแบบที่แตกต่าง ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวในหลากหลายภาษา ในปัจจุบัน FENDI เราสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าเราได้สำรวจและใช้ทุกประสาทสัมผัส” กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi
วางจำหน่ายเฉพาะในร้านบูติก FENDI และที่ fendi.com ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 2024 โดยน้ำหอมเหล่านี้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของเมซงผ่านภาษาแห่งการปรุงน้ำหอม