รีเซต

โรคกระดูกพรุน ร่างกายขาดแคลเซียม ภัยเงียบที่คนไทยมองข้าม

โรคกระดูกพรุน ร่างกายขาดแคลเซียม ภัยเงียบที่คนไทยมองข้าม
FaiiNatnista
12 กันยายน 2566 ( 15:00 )
206

     ภาวะกระดูกบางหรือโรคกระดูกพรุน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แม้จะพบได้มากในผู้สูงอายุ และสตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แต่ในปัจจุบัน ภาวะกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนมีแนวโน้มพบว่าอายุเฉลี่ยของผู้เป็นโรคกระดูกพรุนลดลงทุกปี ที่สำคัญร้อยละ 90 ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือมีความเสี่ยงต่อโรค ถือเป็นภัยเงียบที่คนไทยส่วนใหญ่มองข้าม สาเหตุหลักมาจากการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน การบริโภคแคลเซียมในคนไทยเฉลี่ยเพียงแค่ประมาณ 400 มิลลิกรัม/วัน เท่านั้น ในขณะที่คนเราต้องการปริมาณแคลเซียมโดยเฉลี่ยประมาณ 1,000 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ หากร่างกายมีอาการขาดแคลเซียม ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุน กระดูกบางเปราะและแตกได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่สำคัญอย่างสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือ เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายด้วยตนเองได้ง่ายๆ เช่น วิงเวียน เหนื่อยง่าย เล็บบางและรุนแรงไปจนถึงกระดูกแตกง่าย เป็นต้น

 

 

     นายแพทย์ สุชาติ เลาหบริพัทธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน “แนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในทุกวัย รวมถึงวัยทำงาน ด้วยการเลือกทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ในแต่ละวัน ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม อาทิ

  • การออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
  • นอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • พยายามหลีกเลี่ยงการโหมงานหนักจนร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การนั่งอยู่กับหน้าจอคอมเป็นระยะเวลานาน
  • ลดหรือเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ชา หรือ กาแฟ ที่เป็นพฤติกรรมอันตรายที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน

     ทั้งนี้อาหารเสริมหรือแคลเซียมเสริม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คนในวัยทำงานควรใส่ใจเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายเราได้รับสารอาหารที่เพียงพอเหมาะกับประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวัน คุณหมอแนะนำให้ตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก เพื่อความแน่ใจว่ามวลกระดูกอยู่ในเกณฑ์ปกติตามอายุ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

 

 

     คุณหมอสุพจน์ สัมฤทธิ์วณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันอี เบฟเวอเรจ แนะวิธีการเลือกเสริม calcium ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนทำงาน ด้วยเครื่องดื่มวิตามินแคลเซียมในรูปแบบน้ำที่นอกจากจะได้แคลเซียมถึง 200 มิลลิกรัม ดูดซึมไปใช้งานได้ง่าย แล้วยังได้เติมความสดชื่นระหว่างวัน “การดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการเสริมสร้างแคลเซียมให้กระดูกด้วย ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ นวัตกรรมใหม่ที่จะมาเป็นตัวช่วยเสริมสร้างแคลเซียมให้กับร่างกาย  มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ได้รับการพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใส่ใจสุขภาพให้กับผู้บริโภค ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมให้กับร่างกายที่อยู่ในรูปแบบของ Organic Salt นั่นก็คือ Calcium จับตัวกับ Glycerophosphate ที่เป็นสารอินทรีย์ที่ร่างกายเรามีความคุ้นเคย ซึ่งทำให้สามารถดูดซึมน้ำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า มากกว่า Calcium carbonate ถึง 4 เท่า รสชาติดีกว่าอีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสดชื่น สามารถดื่มทดแทนน้ำเปล่าได้”

     “อีกทั้งยังพบว่าสามารถในการละลายที่ดีมากทั้งในกระเพาะอาหารและในลำไส้เล็ก เนื่องจากมีโครงสร้างเป็นแบบ Chelate’s complex structure ซึ่งมีความแข็งแรงและช่วยให้แคลเซียมไม่แตกตัวในกระเพาะอาหารที่มีสภาพเป็นกรดและสามารถผ่านเข้าสู่ลำไส้เล็กที่มีสภาพเป็นด่างได้จนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด เพราะแคลเซียมในรูปแบบอื่น ๆ นั้นมักจะเกิดการแตกตัวในกระเพาะอาหารและจะตกตะกอนในลำไส้เล็กทำให้เกิดการดูดซึมที่น้อยกว่า และยังสามารถถูกดูดซึมเข้ากระดูกได้ดี เนื่องจากสัดส่วนของแคลเซียม เท่ากับ 1:3 ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกันกับในกระดูก”

 

 

     ฉะนั้น การดื่ม ยันฮี แคลเวียม วอเตอร์ เพื่อช่วยเสริมสร้างแคลเซียม และแร่ธาตุสำคัญ ๆ ให้กับร่างกายจึงมีส่วนช่วยให้โอกาสในการเกิดโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะบางก่อนวัยอันควรลดลง การบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนอกจากช่วยเสริมสร้างกระดูกแล้ว ยังช่วยในการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท แคลเซียมที่อยู่ในกระแสเลือดและในเซลล์มีหน้าที่ควบคุมการส่งกระแสประสาท การหดตัวของกล้ามเนื้อและการทำงานของเซลล์โดยมีฮอร์โมนสองชนิดทำหน้าที่ปรับสมดุลของแคลเซียมในกระแสเลือด

     ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ 460 มิลลิลิตร 1 ขวดมีปริมาณแคลเซียมสูงถึง 200 มิลลิกรัม ยังมีฟอสฟอรัสและ วิตามิน B12 สูง ทำให้ได้รับแร่ธาตุที่มีประโยชน์ไปเสริมสร้างร่างกายได้เป็นอย่างดี เป็นเครื่องดื่มเสริมแคลเซียมที่ให้ทั้งประโยชน์ รสชาติอร่อย หอมกลิ่นโยเกิร์ตสดชื่นแบบไม่มีน้ำตาล 0 แคลอรี่ ตอบโจทย์ กลุ่มคนในวัยทำงานที่มีชีวิตการทำงานที่เร่งรีบในยุคปัจจุบัน 

บทความที่เกี่ยวข้อง