รีเซต

17 ผลไม้ที่ทำให้ผิวใส บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง อิ่มฟู ดูมีออร่า

17 ผลไม้ที่ทำให้ผิวใส บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง อิ่มฟู ดูมีออร่า
BeauMonde
18 ตุลาคม 2565 ( 13:09 )
11.7K

     การมีผิวที่เปล่งปลั่ง สุขภาพดีและดูมีออร่านั้นเริ่มต้นด้วยการบำรุงที่เหมาะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสามารถช่วยซ่อมแซมและบำรุงผิวของเราจากภายนอกได้ แต่สำหรับการมีผิวใสจากภายในนั้น เราจำเป็นที่จะต้องรับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญซึ่งมีมากในอาหารค่ะ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดนั่นก็คือการกินผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเพื่อช่วยบำรุงให้ผิวใสและเปล่งปลั่ง

     ผลไม้มีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง ซึ่งนอกจากจะรับประทาน บางคนก็นำผลไม้ไปทำเป็นมาสก์ใบหน้าเพื่อเพิ่มความใสและช่วยผลัดเซลล์ผิว สารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพผิวส่วนใหญ่มีอยู่ในผลไม้ วันนี้เราลองไปดูกันว่าผลไม้ชนิดใดสามารถทำให้ผิวใส เปล่งปลั่ง และช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพผิวจนมีออร่าได้ค่ะ

 

 

นิสัยการกินของคุณส่งผลต่อผิวของคุณอย่างไร?

     สุขภาพผิวของเราเกี่ยวข้องโดยตรงกับอาหารที่เรากินเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว สามารถช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้นได้ หากเรารับประทานผักและผลไม้สดไม่เพียงพอ เราอาจพบกับริ้วรอยก่อนวัย รอยแผลเป็นจากสิว หรือแม้แต่อาการผิวแห้ง และที่สำคัญอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอย่างเช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง วิตามินเอและวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสุขภาพผิว

 

17 ผลไม้ที่ทำให้ผิวใส

 

1. มะนาว

 

 

     มะนาวมีสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ตามธรรมชาติ มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพที่ช่วยล้างสารพิษและปกป้องผิวจากแสงแดด รวมถึงยังช่วยลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวได้ หากใครมีผิวคล้ำไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำ รอยแผลเป็นจากสิว หรืออยากเพิ่มความกระจ่างใส ให้รับประทานมะนาวหรือลองใช้มะนาวมาทำเป็นสูตรมาส์กหน้า ก็จะช่วยให้ผิวเปล่งประกายได้

 

2. มะละกอ

 

 

     มะละกอมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี กรดแพนโททินิก และโฟเลต รวมถึงยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น ทองแดง โพแทสเซียม และแมกนีเซียม มะละกอยังมีเอ็นไซม์ เช่น ปาเปนและไคโมปาเปน ที่ช่วยป้องกันการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและไวรัส การบริโภคมะละกอสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของสุขภาพผิวที่ไม่ดี นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาหูด กลาก และตุ่มบนผิวหนัง มะละกอยังสามารถช่วยรักษาบาดแผลและแผลเรื้อรังที่ผิวหนัง ดังนั้นหากใครที่มีปัญหาทางเดินอาหาร มีรอยแผลเป็น และมีผิวหมองคล้ำ เราควรจะต้องเพิ่มการบริโภคมะละกอ เพื่อเป็นการช่วยเสริมความงามและช่วยปรับระบบภายในร่างกาย

 

3. อโวคาโด

 

 

     อโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ มีใยอาหาร และวิตามินอี วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี6 ไนอาซิน โฟเลต และกรดแพนโททินิก ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน และสามารถช่วยป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอได้ อโวคาโดยังอุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีนที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี ไขมันดีในอโวคาโดยังสามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิว ลดการอักเสบ และเร่งการสมานแผล

 

4. ส้ม

 

 

     ส้มรสหวานฉ่ำและมีสีสันสดใสชวนรับประทาน  ผลไม้ชนิดนี้สามารถช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี โดยส้ม 100 กรัมจะมีวิตามินซีสูงถึง 54 มิลลิกรัม วิตาินซีนี้จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ความเสียหายจากแสง ความเสียหายของดีเอ็นเอ ช่วยลดการอักเสบ และช่วยให้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน

 

5. แตงโม

 

 

     ผลไม้เนื้อสีแดง ฉ่ำน้ำและมีรสหวาน เหมาะแก่การแก้กระหายน้ำ แตงโมมีใยอาหาร น้ำ วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี1 และบี6 มีแคโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และไลโคปีน ปราศจากไขมันและปราศจากคอเลสเตอรอล ไลโคปีนในแตงโมสามารถช่วยในการขับอนุมูลอิสระและป้องกันความเสียหายของผิวหนัง ช่วยล้างสารพิษและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ และด้วยสรรพคุณเหล่านี้ทำให้แตงโมเหมาะกับคนที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย

 

6. มะม่วง

 

 

     มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี และวิตามินเค ฟลาโวนอยด์ โพลีฟีนอล เบต้าแคโรทีน และแซนโทฟิลล์ สามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของดีเอ็นเอและการอักเสบ มะม่วงยังอุดมไปด้วยใยอาหารซึ่งช่วยรักษาอาการท้องผูก รวมถึงยังมีคุณสมบัติในการช่วยสมานแผลได้อีกด้วย

 

7. ทับทิม

 

 

     ทับทิมอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม นอกจากนี้ในเปลือก เยื่อหุ้ม และเมล็ดก็ยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีกรดเอลลาจิกที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของรังสี UV-A และ UV-B และยังสามารถช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและช่วยลดความหมองคล้ำได้

 

8. กล้วย

 

 

     กล้วยอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วตามินซี วิตามินเค วิตามินอี โฟเลต และแร่ธาตุต่างๆ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม กล้วยยังทำหน้าที่เสมือนเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ และมีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระและต้านจุลชีพ

 

9. แอปเปิ้ล

 

 

     แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี ใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม แอปเปิ้ลมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ในบริเวณเปลือกของแอปเปิ้ลยังพบว่าอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 

 

10. กีวี่

 

 

     สำหรับใครก็ตามที่มีรอยคล้ำใต้ตาจนดูเหมือนแพนด้าตัวน้อย กีวี่คือผู้ช่วยชีวิตได้ค่ะ! เพราะกีวี่มีวิตามินซีในปริมาณมาก ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อดีเอ็นเอ ช่วยลดความหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้กระจ่างใส นอกจากนี้กีวี่ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน และช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัยได้ดี

 

11. สตรอเบอร์รี่

 

 

     หากผิวของเราเป็นสิวง่าย เราสามารถกินหรือทาสตรอเบอร์รี่เพื่อบำรุงให้ผิวใสได้ สตรอเบอร์รี่เป็นแหล่งของวิตามินซีและกรดซาลิไซลิก ซึ่งกรดชนิดนี้มักใช้ในครีมรักษาสิว เนื่องจากสามารถแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนและช่วยทำความสะอาดผิวได้ นอกจากนี้สตรอเบอร์รี่ยังมีกรดเอลลาจิกที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและป้องกันการทำลายคอลลาเจนซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอย 

 

12. แอปริคอท

 

 

     แอปริคอตอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเคและโฟเลต ผลไม้ชนิดนี้ยังเต็มไปด้วยใยอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้สะดวกและช่วยลดความหมองคล้ำของผิว และนอกจากนี้นักวิจัยยังพบอีกว่าแอปริคอตสามารถช่วยป้องกันการตายของเซลล์บุผนังหลอดเลือดได้ด้วย

 

13. องุ่น

 

 

     องุ่นไม่ว่าจะสีแดงหรือเขียวก็เต็มไปด้วยสารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นักวิจัยพบว่าสารชนิดนี้สามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดโดยรังสียูวีและมะเร็งผิวหนัง องุ่นยังเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิว ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และช่วยรักษาผิวจากการอักเสบ

 

14. พีช

 

 

     ลูกพีชอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และใยอาหาร พีชยังเป็นแหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถที่จะช่วยขจัดอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายของดีเอ็นเอและความเสียหายของผิวที่เกิดจากการทำร้ายของแสงแดด

 

15. เชอร์รี่

 

 

     เชอร์รี่รสหวานอร่อย ผลไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณในการซ่อมแซมและปกป้องผิวของเราจากความเสียหาย อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส เชอร์รี่ยังมีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ และช่วยป้องกันความเสียหายของผิวหนัง

 

16. สับปะรด

 

 

     สับปะรดมีรสหวานและเปรี้ยว อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินมินเค โฟเลต และแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส สับปะรดมีเอนไซม์ที่เรียกว่าโบรมีเลน ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง และช่วยสมานแผล นอกจากการรับประทานสับปะรดเพื่อช่วยบำรุงผิว เรายังสามารถใช้สับปะรดพอกบนผิวหนังเพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิวจากอาการผิวไหม้ที่เกิดขึ้นเพราะโดนแสงแดดเผาได้ด้วยค่ะ

 

17. ลูกพรุน

 

 

     ลูกพรุนเป็นผลไม้ที่มีปริมาณเส้นใยสูงและอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินเค ไนอาซินและแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ไฟเบอร์ในลูกพรุนสามารถช่วยป้องกันอาการท้องผูก ซึ่งอาการท้องผูกนี่เองที่อาจทำให้เกิดสิวได้ นอกจากนี้น้ำลูกพรุนยังสามารถช่วยเพิ่มน้ำหนักของอุจจาระและช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้เราขับถ่ายได้สะดวก ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างและช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำได้

 

     และทั้งหมดนี้คือผลไม้ที่ทำให้ผิวใส เปล่งปลั่งและดูมีออร่า หากเป็นไปได้เราก็อยากให้ทุกคนได้ลองเพิ่มผลไม้เหล่านี้เป็นผลไม้หลังมื้ออาหาร เพื่อที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน หรือเราอาจจะใช้ผลไม้บางชนิดในลิสต์นี้ทำเป็นมาส์กหน้าเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสก็ได้ค่ะ

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

แท็กยอดนิยม

บทความที่เกี่ยวข้อง