10 กลิ่นเทียนหอม ช่วยปรับบรรยากาศแถมผ่อนคลาย หายเครียด หายเหนื่อย
ถ้าพูดถึงกลิ่นหอมหลายคนคงนึกถึงน้ำหอมใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้าหากเป็นกลิ่นหอมที่ช่วยปรับบรรยากาศในบ้านได้ คงหนีไม่พ้น เทียนหอม ค่ะ ยิ่งเวลาที่เราจุดเทียนหอมแบบนี้ทิ้งไว้สักครู่ กลิ่นหอมๆ อโรมาก็จะลอยฟุ้งออกมาช่วยสร้างบรรยากาศในบ้านหรือแม้แต่ในห้องของเราให้น่าอยู่ขึ้นได้ แถมใครที่เครียดๆ หรือเหนื่อยๆ จากเรื่องนอกบ้าน แค่กลับมาบ้านแล้วจุดเทียนหอมเหล่านี้ก็ช่วยปรับอารมณ์ให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ด้วยค่ะ
เทียนหอม ช่วยสร้างบรรยากาศให้นุ่มนวลขึ้นได้และยังช่วยเปลี่ยนห้องสี่เหลี่ยมที่แสนจะน่าเบื่อให้มีสีสันขึ้นมาได้ด้วย เพียงแค่เราเลือกกลิ่นเทียนหอมที่ถูกใจก็พอค่ะ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้นมีหลายๆ แบรนด์ได้ทำเทียนหอมออกมาให้เราได้เลือกใช้กัน บางแบรนด์นั้นนอกจากจะทำเทียนที่มีกลิ่นหอมมากๆ จนน่าประทับใจแล้ว เรายังสามารถเก็บแก้วเทียนไว้ใช้ต่อไปได้อีกด้วยค่ะ ใครที่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศในบ้าน หรืออยากจะลดความเครียดจากการทำงาน หรือแม้แต่อยากจะหาของมาประดับบ้านให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น วันนี้เรามี 10 เทียนหอมมาฝากกันค่ะ ตามเรามาได้เลย
1. Cire Trudon
เทียนหอมแบรนด์แรกที่เราจะแนะนำมาจาก Cire Trudon (ซีร์ ทรูดอง) แบรนด์จากฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานมากถึง 375 ปี และยังถือเป็นแบรนด์โปรดของพระนางมารี อ็องตัวแน็ตรวมถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และ 16 ด้วยค่ะ นอกจากความพิเศษในเรื่องของแบรนด์ที่เก่าแก่แล้ว เทียนหอมจาก Cire Trudon มีความพิเศษนอกเหนือจากนี้ด้วยการใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ และด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพทำให้เทียนไม่เกิดสารพิษจากการสูดดมอีกด้วย
กลิ่นแนะนำ Trianon
ถือเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้ค่ะ Trianon ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระนางมารี อ็องตัวแน็ต โดยได้แรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายส์ในช่วงเย็นของฤดูร้อน ซึ่ง Trianon คือเทียนหอมที่ให้กลิ่นดอกไฮยาซิน กุหลาบ ดอกไม้ขาว สมุนไพรต่างๆ และยังมีกลิ่นของมัสก์ค่ะ โดยรวมของกลิ่นนี้ให้อารมณ์มวลหมู่ดอกไม้ขาวเป็นหลักและให้ความอบอุ่นได้ด้วย Trianon จาก Cire Trudon สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทค่ะ
2. Diptyque
หากพูดถึงเทียนหอมที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศห้องอันน่าเบื่อให้ดูมีสีสันและอบอุ่นขึ้นมาได้ หลายๆ คนคงนึกถึง Diptyque (ดิปทีค) ค่ะ นิชแบรนด์จากฝรั่งเศสที่เพิ่งฉลองครบรอบ 50 ปีไปไม่นาน แต่มีน้ำหอมและเทียนหอมที่ให้กลิ่นติดตรึงใจจนหลายๆ คนอยากจะเป็นเจ้าของ ยังไม่นับว่าแก้วเทียนจาก Diptyque นั้นเมื่อเราใช้จนหมดแล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์ไปใส่ของอย่างอื่นได้ด้วย เหมือนอย่างที่บล็อคเกอร์ชื่อดังหลายๆ คนเอาแก้วเทียน Diptyque ไปใส่แปรงแต่งหน้านั่นเองค่ะ
กลิ่นแนะนำ Baies
Baies กลิ่นที่เราภูมิใจนำเสนอมากๆ ของแบรนด์นี้ เพราะผสมมาได้อย่างพอดีลงตัวจากกลิ่นของเบอร์รี่ มัสก์และมวลดอกไม้ต่างๆ ค่ะ ซึ่งเมื่อลองจุดแล้วให้กลิ่นกำลังดี ไม่หวานเลี่ยนและไม่หอมฉุนเกินไปค่ะ Baies จาก Diptyque มีขนาดที่ 190 g สามารถสอบถามราคาได้ที่ช็อปค่ะ
3. Jo Malone
Jo Malone (โจ มาโลน) แบรนด์น้ำหอมและเครื่องหอมจากประเทศอังกฤษที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1983 ซึ่งในบ้านเราอาจจะคุ้นเคยกับ Jo Malone ในฐานะของน้ำหอมนิชแบรนด์ชื่อดัง แต่นอกจากน้ำหอมจะเป็นสินค้าขายดีของแบรนด์นี้แล้ว เทียนหอมก็มีคุณภาพดีและได้รับความนิยมไม่แพ้กันค่ะ
กลิ่นแนะนำ Peony & Blush Suede
กลิ่นเด่นของ Peony & Blush Suede คงหนีไม่พ้นดอกพิโอนี่ หรือ โบตั๋น ค่ะ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของกุหลาบและกิลลี่ ที่ช่วยให้ความรู้สึกสงบ อบอุ่น ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์หรูหราได้อีกด้วย Peony & Blush Suede จาก Jo Malone สามารถจุดได้ประมาณ 45 ชั่วโมง โดยขนาด 200 g อยู่ที่ราคา 2,900.00 บาท และขนาด 100 g อยู่ที่ 1,450.00 บาทค่ะ
4. Fornasetti
Fornasetti จากประเทศอิตาลี ถือเป็นแบรนด์ของแต่งบ้านที่ก่อตั้งโดย Piero Fornasetti ศิลปินและดีไซเนอร์ที่มีความโดดเด่นทางด้านศิลปะหลายๆ ด้าน โดย Fornasetti นั้นจะมีลายเอกลักษณ์คือใบหน้าของหญิงสาวที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ และมีการแสดงออกทางสีหน้าต่างๆ กันไปค่ะ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้มีให้เลือกมาประดับตกแต่งบ้านกันมากมายเลย ทั้งจานเซรามิก แก้ว กาน้ำชา และรวมไปถึงเครื่องหอมอย่างเทียนหอมด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งขวดเทียนหอมของ Fornasetti นั้นมีเอกลักษณ์ด้วยสีสันและลวดลายที่โดดเด่นจัดจ้านมากและเมื่อจุดเทียนจนหมดแล้วเราก็ยังสามารถเก็บขวดเทียนนี้ไว้ใช้งานต่อได้อีกค่ะ
กลิ่นแนะนำ Ortensia Floral Candle
ลักษณะเด่นและถือเป็นเอกลักษณ์ของเทียนหอมแบรนด์นี้เลยก็คือฝาปิดขวดเทียนที่มีลักษณะคล้ายๆ ยอดโดมค่ะ ส่วนด้านขวดเทียนนั้นจะเป็นลายจัดจ้านตามสไตล์อิตาเลียน และแน่นอนว่าต้องมีหน้าของหญิงสาวไว้ให้เราได้เห็นกันด้วย ภาพรวมของ Ortensia Floral Candle จะออกแนวกลิ่นของหมู่มวลดอกไม้ค่ะ ให้ความรู้สึกรื่นรมณ์และผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว และสามารถจุดได้นานถึง 240 ชั่วโมงเลยล่ะค่ะ Ortensia Floral Candle จาก Fornasetti สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 7,100 บาทค่ะ
5. Penhaligon's
Penhaligon's (เพนฮาลิกอนส์) อีกหนึ่งแบรนด์เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ยุคสมัยของพระนางวิกตอเรียค่ะ เมื่อพูดถึงแบรนด์นี่หลายๆ คนมักจะนึกถึงน้ำหอมนิชแบรนด์ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่ได้มีดีแค่น้ำหอมค่ะ เพราะ Penhaligon's ยังมีเทียนหอมที่ดีไม่แแพ้แบรนด์อื่นด้วย
กลิ่นแนะนำ Earl Grey Tea
Earl Grey คือเทียนหอมจาก Penhaligon's ในคอลเลคชั่น Tea ค่ะ กลิ่นนี้ค่อนข้างโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆ ในคอลเลคชั่นเดียวกัน เนื่องจากความหอมของกุหลาบ ไวน์ sherry และกลิ่นน้ำมันซิตรัสค่ะ Earl Grey จาก Penhaligon's มีขนาด 750 g จุดได้นานประมาณ 110 ชั่วโมง ส่วนในเรื่องของราคานั้นสามารถสอบถามได้ที่ช็อปโดยตรงค่ะ
6. Karmakamet
แบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่เราขอแนะนำให้สาวๆ ลองไปตามหาเทียนหอมมาครอบครองกันคือ Karmakamet (คามาคาเมต) ค่ะ แบรนด์เครื่องหอมที่เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ในจตุจักร ก่อนจะขยายตัวจนมีหลายสาขาอย่างทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือคุณภาพของสินค้า รวมถึงคุณภาพของเทียนหอมที่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลายๆ คนนึกถึงเมื่อพูดถึงแบรนด์นี้ค่ะ
กลิ่นแนะนำ Heritage Bazaar No.2
เริ่มด้วยกลิ่นสะอาดๆ และสดชื่นจากอะโวคาโด ลูกแพร์จีนและแอ๊ปเปิ้ลเหลือง ตามมาติดๆ ด้วยกลิ่นหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของทับทิมจีน เปลือกไผ่ มะกรูด หญ้ามอสและฝางค่ะ Heritage Bazaar No.2 ให้กลิ่นที่สะอาดและช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกปลอดโปร่ง ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ Karmakamet - Heritage Bazaar No.2 Glass Candle สนนราคาอยู่ที่ 1,350 บาทค่ะ
7. Vuudh
เมื่อแบรนด์ดังอย่าง HARNN (หาญ) ปล่อยแบรนด์ย่อยที่รวบรวมเครื่องหอมไว้อย่างหลากหลายโดยใช้ชื่อว่า Vuudh (วุฒิ) แบรนด์ครื่องหอมไทยๆ สไตล์คอนเท็มโพรารี่ มีหรือสาวๆ อย่างเราจะไม่สนใจ โดย Vuudh คือแบรนด์ที่ได้รวบรวมสินค้าประเภทเครื่องหอมสำหรับคนที่ทันสมัยและมีไลฟ์สไตล์ และปล่อยคอลเลคชั่นเทียนหอมออกมาให้เราได้ลองเข้าไปเลือกซื้อหากันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนอกจากเทียนหอมแล้วยังมีน้ำหอมให้เราได้เข้าไปลองฉีดลองใช้กันอีกด้วยล่ะค่ะ
กลิ่นแนะนำ Bangkok
Vuudh ได้ปล่อยคอลเลคชั่นเทียนหอมโดยใช้ชื่อเมืองต่างๆ ค่ะ ซึ่งแต่ละเมืองนั้นก็ให้กลิ่นและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป โดยกลิ่นที่เราขอมาแนะนำให้สาวๆ ลองไปหามาใช้กันนั้นคือ Bangkok กลิ่นของกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของพวกเรานี่เองค่ะ Bangkok เปิดมาด้วยกลิ่นมะลิสดชื่น กลิ่นหอมเย็นๆ ของดอกมะลินั้นช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกถึงความเป็นไทยและความเป็นบ้านได้ดีเลยค่ะ สำนึกรักบ้านเกิดเริ่มมา อารมณ์อบอุ่นและผ่อนคลายเมื่อยามกลับถึงบ้านก็ตามมาด้วยเช่นกัน โดยรวมของกลิ่นนี้ให้ความสดชื่นและผ่อนคลาย พร้อมๆ กับการที่กลิ่นสามารถเติมความรื่นรมย์ในวันธรรมดาหรือวันน่าเบื่อได้อีกด้วย กลิ่นนี้จะจุดกี่ทีก็ไม่มีผิดหวังค่ะ เทียนหอม Bangkok จาก Vuudh มีมาให้เราเลือกใช้ 2 ขนาดค่ะ โดย Vuudh Aromatic Candle 190g จะมีราคาอยู่ที่ 1,450 บาท และ Vuudh Travel Candle 35g จะมีราคาอยู่ที่ 450 บาทค่ะ
8. Halo Craft
Halo Craft (ฮาโล คราฟท์) หนึ่งในแบรนด์ไทยแห่งความหอมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเทียนหอมคือผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์มั่นใจเพราะพัฒนาและทดสอบมากกว่าร้อยครั้งค่ะ Halo Craft เลือกใช้วัตถุดิบที่คัดสรรค์มาอย่างดี รวมถึงอาศัยความชำนาญขั้นสูงในการผลิต จึงทำให้เทียนหอมของแบรนด์นี้น่าสนใจจนเราต้องยกมาเก็บไว้ในลิสต์ด้วยค่ะ
กลิ่นแนะนำ Siam Miracle
ตัวกลิ่นให้ความรู้สึกเหมือนเข้าสปาดีๆ สักที่เลยค่ะ โดยมีกลิ่นไทยๆ อย่างกลิ่นตะไคร้ พิมเสนและใบสะระแหน่ นำมารวมเข้ากับกลิ่นแนวตะวันตกอย่างดอกลาเวนเดอร์ โดยรวมของกลิ่นจึงให้ความรู้สึกร่วมสมัย สดชื่น นอกจากนี้ตัวเทียนหอมของ Halo Craft ยังผลิตขึ้นจากไขถั่วเหลืองธรรมชาติ ทำให้ไม่สร้างควันพิษและเป็นอันตรายอีกด้วย ที่สำคัญเทียนหอมจาก Halo Craft ยังสามารถใช้น้ำตาเทียนมานวดตัวได้ เพราะถูกผลิตมาให้มีจุดหลอมเหลวต่ำ น้ำตาเทียนจึงไม่ร้อนค่ะ เทียนหอม Siam Miracle จาก Halo Craft ขนาด 250 g สนนราคาเบาๆ อยู่ที่ 450 บาทเท่านั้นค่ะ
9. Pañpuri
Pañpuri (ปัญญ์ปุริ) Luxury Brand ของไทยที่กล้าพูดเลยว่าคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ระดับโลกค่ะ โดย Pañpuri นั้นถือเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิคที่ดีที่สุดเพื่อนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหอมต่างๆ เช่นเดียวกับเทียนหอมของแบรนด์นี้ที่มีคุณภาพดีจากวัตถุดิบและการผลิตที่ดี รวมถึงยังมีกลิ่นหอมที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และปรับบรรยากาศภายในบ้านให้ดีขึ้นได้ค่ะ
กลิ่นแนะนำ Early Riser Perfume Candle
ถือเป็นเทียนหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไก่ หนึ่งในสัตว์ประจำของปีนักษัตรจีน และยังเป็นตัวแทนของความขยัน ซื่อสัตย์และความกล้าหาญ Early Riser Perfume Candle ให้กลิ่นหอมสดชื่นจากไทม์และเทียนสัตตบุษย์ (anise) โดยเริ่มแรกจะให้กลิ่นมะนาว Galbanum และมะกรูด ก่อนจะผสานกลิ่นให้เข้ากับลาเวนเดอร์และเบซิล โดยรวมของกลิ่นนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น ช่วยปลุกพลังจากความเหน็ดเหนื่อย และตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ เทียนหอมจาก Pañpuri นั้นคือปราศจากสารสังเคราะห์และสารเคมีอื่นใด ทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากสารตกค้างในร่างกายอย่างแน่นอนค่ะ Early Riser Perfume Candle จาก Pañpuri ขนาด 250 g สนนราคาอยูที่ 2,900 บาทค่ะ
10. Ma Chandelle
Ma Chandelle (มา ชองแดล) แบรนด์เครื่องหอมฝีมือคนไทยที่มีกลิ่นอายของชาวปารีเซียง ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบในการผลิตอย่างดีผ่านการนำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งหมด นอกจากนี้ยังใช้น้ำมันถั่วเหลืองธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ รับรองได้ว่าไม่มีสารพิษเจือปนเมื่อเราจุดเทียนหอมของแบรนด์นี้แน่นอนค่ะ
กลิ่นแนะนำ Nord
Nord กลิ่นประจำทิศเหนือจากคอลลเลคชั่นของแบรนด์นี้ค่ะ ซึ่งนอกจาก Nord (ทิศเหนือ) แล้ว ยังมีกลิ่น Sud (ทิศใต้), Est (ทิศตะวันออก) และ Ouest (ทิศตะวันตก) ค่ะ กลับมาที่ Nord กลิ่นแนะนำของเราวันนี้กันดีกว่า ตัวกลิ่นมีส่วนผสมของเจอราเนียม มะลิ คาโมมายล์และโบตั๋น โดยรวมของกลิ่นนี้ให้ความรู้สึกสดชื่นจากกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ อ่อนโยน ละมุนละไม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยคลายความเครียดได้ค่ะ Nord จาก Ma Chandelle ขนาด 230g สนนราคาที่ 1,450 บาทค่ะ
บทความที่คุณอาจสนใจ
เคล็ดลับอารมณ์ดีด้วยเทียนหอมอโรมา ฟอกอากาศในบ้านแล้วต้องเพิ่มความหอมด้วย ผ่อนคลายกว่า!
คลายเครียดด้วย 5 ดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ที่ต้องมีติดบ้าน...ช่วยให้บ้านหอมพร้อมผ่อนคลายได้
รวม 20 น้ำหอมกลิ่นยอดฮิต ที่ต้องมีสักขวด! กลิ่นหอมแพงๆ ใช้แล้วตัวหอมมาก!